หรือนิยาย 2 เล่มนี้ จะเป็นแบบอย่างในการ 'ล่าสัตว์' ของเจ้าสัว ป. ??

23 กุมภาพันธ์ 2561, 21:30น.


         พูดถึงข่าวหน้าหนึ่งที่คนในแวดวงอนุรักษ์สัตว์ป่า และคนไทยส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจ อย่างต่อเนื่อง คงหนีไม่พ้นข่าวการถูกจับกุมตัวของเจ้าสัวธุรกิจก่อสร้างชื่อดัง และพวกที่เข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมหลักฐานซากสัตว์ป่าที่ชำแหละแล้ว และอาวุธปืนที่ใช้ในการล่าจำนวนมาก นัยว่าเจ้าสัวเป็นคนที่ชื่นชอบการล่าสัตว์มาก จากข่าวนี้เองทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงนิยายไทยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยในป่า 2 เรื่อง  ที่อยากจะคิดเล่นๆ ว่า เป็นไปได้หรือไม่ เจ้าสัวท่านนี้อาจจะเอาอย่าง 1 ใน 2 เรื่องนี้





         เรื่องแรก "ล่องไพรต้นแบบนิยายแนวป่าดงพงไพรของไทย บทประพันธ์ของ “น้อย  อินทนนท์” หรือครูมาลัย ชูพินิจ ซึ่งท่านได้นำประสบการณ์ที่เคยเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในป่า มาเสริมแต่งจินตนาการ แล้วเรียงร้อยผ่านตัวอักษรออกมาเป็นหนังสือชุด “ล่องไพร” จำนวน 13 ตอน 14 เล่ม แค่ชื่อแต่ละตอนก็ดึงดูดให้บรรดาหนอนหนังสือทั้งหลายอดใจไม่อยู่ ต้องหยิบขึ้นมาอ่านสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์นาคา , ป่าช้าช้าง, เมืองลับแล, เสือกึ่งพุทธกาล หรือทางช้างเผือก เป็นต้น



ภาพจาก kledthai         



         "เพชรพระอุมานิยายแนวผจญภัยที่มีความยาวมากถึง 48 เล่ม ใช้เวลาประพันธ์นานถึง 25 ปี ผลงานของ “พนมเทียน” หรือ นายฉัตรชัย  วิเศษสุวรรณภูมิ เนื้อหาของเรื่องนั้นเรียกว่าครบรส ทั้งผจญภัย  ลึกลับ  ความรัก  ตลก  เศร้า แถมด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับป่า และอาวุธปืนที่ใช้ในการล่าสัตว์ ทำให้ผู้อ่านพากันเก็บไปฝันว่าตัวเองเป็นพรานใหญ่ รพินทร์ ไพรวัลย์  ถือปืนไรเฟิลกระบอกเดียว ก็สามารถบุกป่าฝ่าดง เผชิญหน้ากับเสือโคร่ง และโขลงช้างได้อย่างเท่ห์



ภาพจาก nabaanwannagum      



         มีความเป็นไปได้สูงว่า ท่านเจ้าสัวอาจจะคิดว่าตัวเองเป็น “พรานใหญ่ รพินทร์” หากดูจากหลักฐานอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้  ซึ่ง 1 ในปืนหลายๆ กระบอก คือ ไรเฟิลติดลำกล้อง ขนาด 30-06  เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อความในเพชรพระอุมา ตอน ไพรมหากาฬ  เปิดฉากมา รพินทร์ ไพรวัลย์ ก็ใช้ปืนไรเฟิล กระสุน 30-06 ซึ่งเป็นปืนประจำตัว ปลิดชีวิตเสือดำที่หลุดจากกรงออกมาอาละวาดเหมือนกัน... 



         นิยาย ทั้ง 2 เรื่องนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากลองเข้าไปใช้ชีวิตในป่า  ไปเดินป่าที่เป็นป่าจริงๆ ไม่ใช่ป่าที่เราเดินตอนไปเข้าค่ายลูกเสือ  แต่แค่เดินป่า กางเต็นท์ค้างแรมอย่างเดียวก็คงพอ อย่าถึงขั้นบุกรุกตัดไม้ ล่าสัตว์เพียงเพราะความชื่นชอบส่วนตัว แค่นี้ป่าไม้เมืองไทยก็แทบจะไม่เหลืออะไรไว้ให้เป็นมรดกกับลูกหลานรุ่นหลังกันแล้ว อย่าว่าแต่เป็นมรดกเลย  ที่สำคัญการเอาเยี่ยงอย่างในนิยาย นอกจากจะไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องแล้ว ยังเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางโดยใช่เหตุ



         ส่วนคดีความของเจ้าสัว ป. คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะลงเอยอย่างไร แม้ว่าตอนนี้จะมีผลสำรวจจากกรุงเทพโพลล์ ออกมาระบุว่า คนส่วนใหญ่เชื่อว่าคดีนี้คงไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล แต่ยิ่งโพลล์ออกมาแบบนี้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยิ่งต้องเร่งเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างโดยเร็ว จะปล่อยให้โพลล์มามีอิทธิพลเหนือกฎหมายได้อย่างไร....    



 



 





 



 



 



 





 




     
X