ความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรุนแรงเมื่อวานนี้(8พ.ย.60) เมื่อเวลาประมาณ 15:30น. รถตู้โดยสารรับจ้างชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 4 คน และไกด์คนไทย 1 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับรถตู้ ยังคงเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล เหตุเกิดบน ทล.347 ฝั่งขาออก บริเวณ กม.29 ก่อนถึงแยกวรเชษฐ์ ประมาณ 1 กม.
ล่าสุด พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนเร่งรัดการสืบสวนอย่างเร็วที่สุด ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ประสานกรมการขนส่งทางบกขอข้อมูลการตรวจสอบการควบคุมความเร็วจากระบบ GPS ที่ติดตั้งอยู่ในรถ เบื้องต้นพบว่า มีความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 90 กม./ชม. เล็กน้อย และไม่พบร่องรอยการเบรค แต่ยังต้องรอเอกสารยืนยันจากกรมการขนส่งทางบกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนคนขับรถตู้วัย 52 ปี ขณะนี้ออกจากห้องฉุกเฉินแล้วแต่ยังต้องรักษาตัวก่อน โดยพอให้การที่เป็นประโยชน์ได้ ยืนยันไม่พบแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด
อย่างไรก็ตามจุดดังกล่าวไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่มีผู้ใดส่งภาพจากกล้องหน้ารถ และไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น ที่เกิดเหตุพบว่ารถบรรทุกขับอยู่ในช่องทางซ้าย และรถตู้ขับตามหลังมาชนก่อนเกิดไฟลุกไหม้ หลังจากนี้ต้องรวบรวมข้อมูลที่มีทั้งหมดสรุปสำนวนสาเหตุอีกครั้งเพื่อแจ้งต่อสถานทูตญี่ปุ่นและญาติที่กำลังเดินทางมาจากญี่ปุ่นด้วย จากนั้้นจึงจะดูเรื่องมาตรการเยียวต่อไป ทราบว่าบริษัทรถตู้มีประกันภัยชั้น 1 และมีสัญญากับบริษัททัวร์
Cr.มูลนิธิพุทไธสวรรย์