วันสุดท้ายงานดอกไม้เพื่อพ่อ ปากคลองตลาด ปิดงาน 22:00 น. ขอแรงจิตอาสาช่วยเก็บดอกไม้

27 ตุลาคม 2560, 17:35น.


  มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลท์ ร่วมกับชุมชนปากคลองตลาด และเหล่าจิตอาสา จัดซุ้ม"ดอกไม้เพื่อพ่อ" ปากคลองตลาด บนถนนจักรเพชร เพื่อแสดงความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา




  โดยบรรยากาศการเข้าชมงานมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศมาชมงานเป็นจำนวนมหาศาลทุกวัน จนจนท.ต้องจัดแบ่งการเข้าชมเป็นรอบ โดยให้เข้า-ออกทางเดียว แต่ก็ยังไม่ทันต่อจำนวนประชาชนที่ต้องการมาชมความสวยงามของดอกไม้ จึงต้องต่อแถวรอกันเป็นเวลานาน และช่วงระหว่างจัดงานต้องหยุดพักไปในช่วงวันที่ 24 ต.ค.2560  เพื่อระดมจิตอาสาซ่อมดอกไม้  และเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น







   1. ซุ้ม "คนไทย" (Thais) อุโมงค์ดอกไม้ผืนผ้าปลิวไสวความยาว 89 เมตร ตามพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประดับด้วยดอกไม้หลากสี ตามสีของธงชาติไทยโดยประชาชนจะร่วมกันจุดเทียนเดินผ่านซุ้มผ้าที่ปลิวผืนนี้ เพื่อสื่อความหมายถึงพายุลมแรง ที่ไม่ว่าลมพายุหรืออุปสรรคจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถดับแสงเทียนแห่งศรัทธาของคนไทยลงไปได้ เพราะมีพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ประเทศไทยจึงดำรงอยู่ พ้นจากอุปสรรคใดใดมาได้เสมอมาด้วยความสามัคคีตามคำสอนของพระองค์




   2. ซุ้ม "สายฝน" (The Rain) ซุ้มดอกไม้ที่มีแรงบันดาลใจจาก ภาพดอกบัวในมือของยายตุ้ม จันทนิตย์ ที่เฝ้าอดทนรอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 จนดอกบัวสายในมือเหี่ยวเฉา เมื่อครั้นที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร จ.นครพนม ในปี พ.ศ.2498 คุณยายไปเฝ้ารอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรากลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาถึง ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของคุณยายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ถือพระองค์ ดอกบัวที่เหี่ยวเฉาในสายตาคนทั่วไปกลับเป็นดอกบัวที่งดงามในสายตาพระองค์ท่านในหลวง ร.9 ทรงสอนให้เรามองความดีความงามของสรรพสิ่งจากเนื้อใน ไม่ใช่มองเพียงเปลือกนอก ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายจะไม่มีวันลืม เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรทุกคนของพระองค์ โดยไม่เลือกมองเปลือกนอกว่าจะยากดีมีจนชนชั้นใด โดยซุ้มนี้ได้ใช้ดอกบัวจัดเรียงลดหลั่นดุจสายน้ำ และสายฝนโปรยปรายลงมา เปรียบเสมือนน้ำพระทัยของพระองค์ที่เป็นดั่งสายทำให้ดอกบัวที่เหี่ยวเฉา กลับกลายเป็นดอกบัวที่บานสะพรั่ง ในหัวใจคนไทยทั้งประเทศให้ได้ชุ่มฉ่ำตลอดมา







 3. ซุ้ม "รอยเท้าพ่อ" (The Imprint) ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงทิวเขาทางภาคเหนือ ประดับด้วยดอกเบญจมาศ ดอกมัม (คริสแซนติมัม) และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิด ซึ่งปัจจุบันเป็นดอกไม้เศรษฐกิจของไทยเพื่อสื่อความหมายถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการพลิกฟื้นผืนป่าเสื่อมโทรม เปลี่ยนพื้นดินภาคเหนือจากไร่ฝิ่นมาสู่สวนดอกไม้และพืชเมืองหนาว สร้างอาชีพและรายได้ ให้กับเกษตรกรชาวเขาได้อยู่ดีกินดี มีความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นในทั่วทุกผืนป่าของแผ่นดินไทยโดยออกแบบให้บรรยากาศภายในซุ้ม ค่อยๆ เปลี่ยนจากผืนดินที่แห้งแล้งแตกระแหง เปลี่ยนกลายเป็นความสดชื่นของมวลดอกไม้เมืองหนาว เต็มไปด้วยความสุข เพราะรอยพระบาทที่เสด็จไปนั้นได้พลิกฟื้นชีวิต ของพสกนิกรให้มีที่ทำกิน มีอาชีพ และมีความสุขทั่วทุกที่บนผืนแผ่นดิน 

 4. "ซุ้มที่4 บ้าน" (Home) แรงบันดาลใจจากดอกดารารัตน์ (ดอกแดฟโฟดิล)เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ทรงโปรด และทรงมอบให้กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่ยังมิได้ราชาภิเษกสมรส ทรงประทับอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาและประทับอยู่ที่ สวิสเซอร์แลนด์หากพอมีเวลาว่างครั้งใด พระองค์ท่านมักจะขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง ข้ามพรมแดนมาเยี่ยมเยียนพระราชินีอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เสด็จมา จะมีดอกไม้มาให้เป็นประจำ คือดอกแดฟโฟดิล ซึ่งตามความหมายสากล ดอกแดฟโฟดิลนิยมใช้มอบให้แก่คนที่รัก เพื่อบอกว่า ไม่เคยต้องการสิ่งใดตอบแทนซุ้มดอกไม้จึงออกแบบโดยนำดอกรัก มาจัดทำเป็นพวงดอกไม้ ขึ้นเป็นรูปทรงของดอกดารารัตน์จำนวน 77 ดอกในภาพแทนแผนที่ประเทศไทย เพื่อสื่อความหมายดุจดั่งความรักของพระองค์ที่มีให้กับคนไทย ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยซึ่งเปรียบเสมือน “บ้าน” ของพระองค์ท่านและคนไทยทุกคน โดยมิได้เคยมีพระประสงค์สิ่งใดตอบแทนเสมอมา



  5. ซุ้ม “๙” (King Rama IX) ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นด้วยดอกดาวเรืองสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำรัชกาล รวมทั้งยังเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ ๙ ตามความเชื่อของคนไทยดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้มงคลที่เชื่อกันว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้โดยนำมาเรียงร้อยเป็นม่านระย้าที่จัดชั้นลดหลั่นงดงาม และเมื่อผู้ชมมองจากมุมหน้าตรงของซุ้มประตู จะเห็นเป็นรูปทรงของเลข ๙ ซึ่งเป็นเลขไทยและมีใช้ที่ประเทศไทยเพียงที่เดียวในโลก อันสื่อความหมายของความเป็นไทย อีกทั้งคนไทยยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเลข ๙ ว่าหมายถึงความก้าวหน้า เมื่อรวมกับสีเหลืองทองของดอกดาวเรืองนั้น จึงเปรียบเสมือนความรุ่งเรืองของประเทศไทย ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ของพระองค์



 6. ซุ้ม “มณฑารพ” (Montarop) ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงประตูสวรรค์ โดยมีดอกมณฑารพ ดอกไม้ทิพย์ที่ไม่มีในโลกมนุษย์ แต่จะพบได้เฉพาะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้น บานสะพรั่งมากมายอยู่รายรอมมีความเชื่อว่าครั้งใดมีเหตุการณ์สำคัญมาก ถึงขั้นที่ทำให้สะเทือนถึงแดนสวรรค์ ดอกมณฑารพก็จะโปรยปรายผ่านแดนทิพย์สู่โลกมนุษย์ ด้านข้างประตูสวรรค์ รายล้อมด้วยเทือกเขาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ และช้างเผือก อันเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น เพื่อสื่อความหมายถึงพระบารมีอันล้นฟ้า และเป็นการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย อันพสกนิกรชาวไทยจะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร





   และในวันนี้(27 ต.ค. 2560 ) จะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน โดยจะปิดให้เข้าชม เวลา 22:00 น. นอกจากนี้ผู้จัดงานยังขอรับสมัครจิตอาสา เพื่อช่วยกันเก็บซุ้มดอกไม้ เพื่อคืนความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับถ.จักรเพชร และเปิดการจราจรเพื่อเตรียมเข้าสู่ช่วงเปิดเทอมในสัปดาห์หน้าอีกด้วย



 


 


 


 
X