จ.นครศรีธรรมราช ผลักดันให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัย หวังลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน

            ในโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อด้านความปลอดภัยทางถนน ติดตามลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังมีการจัดทำโครงการ “สวมหมวกนิรภัย 100%” โดยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐบาล เอกชน และประชาชน เน้นการทำความเข้าใจ จนทำให้สถิติของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หันมาสวมใส่หมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ยังเป็นปัญหาคือคนซ้อนท้าย และคนที่ขับขี่ไประยะทางใกล้ๆ จะยังไม่ยอมสวมหมวกนิรภัย ยกเว้นเวลามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน

            พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยว่าทุกภาคส่วนในพื้นที่ต้องร่วมมือกัน โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์ประท้วง ด้วยประชาชนไม่พอใจในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทำให้ตั้งแต่ช่วงปี 2558 ได้เริ่มทฤษฎี 4 คูณ 4 คือ 4เดือนแรกเน้นทำความเข้าใจ และให้ความรู้กับประชาชน ว่าถ้าไม่ปฎิบัติตามกฎหมายจะมีโทษอย่างไรบ้าง และ 4เดือนถัดจากนั้นคือการบังคับใช้กฎหมายทันที โดยเน้นหนักเรื่องการสวมหมวกนิรภัย ที่อ้างอิงตามข้อมูลของโรงพยาลมหาราชนครศรีธรรมราช ว่ามีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์มากที่สุด หลังจากจับก็จะให้ผู้กระทำผิด มาดูวีดิโอที่แสดงถึงความรุนแรงเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ และฝากถึงประชาชนทุกคนว่า “ให้กลัวตาย มากกว่ากลัวโดนตำรวจจับ”



            คุณอุราภรณ์ เชยกาญจน์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เผยกับทีมข่าวว่าส่วนใหญ่ผู้บาดเจ็บจะเป็นคนที่ขีบขี่ และซ้อนรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ก็จะได้รับบาดเจ็บรุนแรง ถึงขั้นต้องผ่าตัดสมอง ใส่เครื่องช่วยหายใจ ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ทำให้ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง สำหรับคนที่รอดชีวิตก็จะมีความพิการหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนนั่นเอง



            ท้ายที่สุดการสวมหมวกนิรภัย อาจไม่สามารถหยุดการเกิดอุบัติเหตุได้ แต่หมวกนิรภัยสามารถรักษาชีวิตของผู้ขับขี่และซ้อนท้ายให้รอด หรือไม่บาดเจ็บรุนแรงได้ ก่อนเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง อย่าลืมสวมหมวกนิรภัยกันนะคะ และคุณหมอได้กระซิบแอบว่า “อย่าฝากหัวไว้ที่หมอ ให้ฝากไว้กับหมวกนิรภัย” ดีกว่าค่ะ

ผู้สื่อข่าว : วริศรา  ชาญบัณฑิตนันท์