ปัจจุบันมีภัยที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นและหลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญสามารถเกิดได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่ แม้แต่ผู้หญิงที่เดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ยังไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือสถานที่จอดรถเปลี่ยว ๆ ก็ตาม ยังคงมีข่าวออกมาให้สะเทือนใจกันอยู่เรื่อยๆ
แม้ว่าห้างสรรพสินค้าจะมีระบบการดูแลลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นอย่างดีแล้วก็ยังมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับผู้หญิงอย่างเราๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่จะผู้หญิงที่เป็น working women อย่างเราโหนรถเมล์ก็คงจะทำภารกิจในแต่ละวันไม่ทันแน่ๆ ดังนั้น เป็นผู้หญิง สวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูแลรักษาชีวิตและทรัพย์ของเราให้ดีด้วยนะคะ และวันนี้เราก็มีวิธีมาฝากสาวๆกันค่ะ
1. สำหรับผู้หญิงที่จำเป็นต้องขับรถไปจอดตามที่ต่างๆที่เสี่ยงภัย ก่อนจะปลดล็อกและเดินลงจากรถ ควรสังเกตว่ามีใครมายืนข้าง ๆ ผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีอย่าเพิ่งลงจากรถจนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัยจึงค่อยลงจากรถ
2. เมื่อเดินกลับมาที่รถนั้นต้องสังเกตว่ามีใครมองมาทางเราหรือเดินตามมาในลักษณะที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะพฤติกรรมคนร้ายก่อนจะก่อเหตุมีทั้งเลือกเหยื่อมาก่อนไปจนถึงสบโอกาสโดยบังเอิญ ฉะนั้นควรรอเดินออกมาพร้อมบุคคลอื่นหรือร้องขอให้เจ้าหน้าที่ รปภ.เดินมาส่งที่รถด้วยก็ได้
3. ถ้าเป็นจังหวะที่เกิดเหตุร้ายขึ้นมาระหว่างที่เราเข้าไปนั่งในรถและมีคนร้ายกระโดดขึ้นมานั่งด้วยและใช้มีดจี้ ต้องตั้งสติก่อนว่าจะบีบแตรรถเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือหากกลัวจะถูกทำร้ายให้ลองเจรจากับคนร้ายว่าต้องการอะไร หากคนร้ายต้องการทรัพย์สินให้รีบให้คนร้ายไป แล้วค่อยแจ้งตำรวจตามสืบจับภายหลังได้
4. ในกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธจี้และให้เราขับรถออกไป ขอแนะนำว่าควรเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งพุ่งชนรถที่จอดอยู่เพื่อไม่ให้รถขับออกไปได้ ซึ่งการชนลักษณะแบบนี้เป็นการเรียกร้องความสนใจจากคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียง แล้วคนร้ายจะต้องกระโดดหลบหนีไปอย่างแน่นอน
5. กรณีคนร้ายขับรถพาออกเรามา สามารถหนีโดยการกระโดดลงจากรถ แต่ต้องเลือกดูสถานที่ที่คนพลุกพล่านสามารถขอความช่วยเหลือได้ แต่ถ้าเป็นในสถานที่เปลี่ยวไม่มีผู้คนอย่าเพิ่งกระโดดหนีลงมา เพราะหากคนร้ายตามลงมาทันอาจจะโดนทำร้ายร่างกายได้
6. ถ้าเราเป็นคนขับเองก็เลือกหาสถานที่ที่ไม่เปลี่ยวมากแล้วขับรถชนเสาสัญญาณไฟจราจรหรือป้อมตำรวจก็ได้ เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ ส่วนความเสียหายเอาไว้เคลียร์ภายหลัง เพราะหากสืบสาวราวเรื่องแล้วพบว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ สามารถเจรจาตกลงกันได้
สุดท้ายต้องตั้งสติให้ดี อย่าเสียดายทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง หากคนร้ายต้องการทรัพย์สินก็ให้ไปแล้วค่อยไปแจ้งตำรวจให้สืบจับคนร้าย ส่วนรถยนต์ก็ค่อยซ่อมภายหลัง เรื่องคู่กรณีไม่มีปัญหาเพราะหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเราเช่นนี้สามารถเคลียร์กันได้ ซึ่งถ้าเรามีความรู้ตรงนี้อยู่ก่อนแล้วการตั้งสติเจรจากับคนร้ายเพื่อขอชีวิตก็ขอให้จบแค่ที่เสียทรัพย์สินไป อย่าต้องเสียตัวหรือเสียชีวิตเลย
เนื้อหา : ภคมน แสงวิสุทธิ์สิงห์