กรมการขนส่งฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางแผนจับกุมผู้ปลอมแปลงเอกสารราชการ พร้อมส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

          นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้ดำเนินการล่อซื้อหลังจากพบเบาะแสมีขบวนการปลอมแปลงเอกสารราชการ เช่น แผ่นป้ายทะเบียนรถ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ และแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี (แผ่นป้ายวงกลม) จนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของท้องถิ่นที่มาช่วยงานด้านทะเบียนพร้อมของกลาง ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ปรากฏเชื่อได้ว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง กรมการขนส่งทางบกจึงได้พิจารณาลงโทษโดยการไล่ออกจากราชการแล้วทันที และส่งตัวให้เจ้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด ซึ่งกำลังขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป เบื้องต้นยังไม่พบการเชื่อมโยงภายในกรมฯ จากการตรวจสอบของกลางซึ่งประกอบด้วยใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี และแผ่นป้ายทะเบียนรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ฌฉ 3132 กรุงเทพฯ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า คันหมายเลขทะเบียน สสน 885 พบว่าเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้นมาทั้งหมดโดยไม่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก จึงเชื่อว่าเป็นขบวนการมิจฉาชีพที่ดำเนินการภายนอกกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกำลังขยายผลสืบสวน ติดตามสอบพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการทางคดีอาญาทั้งขบวนการและ หากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกมีส่วนร่วมกับขบวนการทุจริตปลอมแปลงเอกสารราชการ จะลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาดและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุดทุกราย

         อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง และดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายสูงสุด พร้อมสั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง เข้มงวดกวดขันการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตามระเบียบอย่างเคร่งครัด หากพบการทุจริตในทุกกรณี ให้ดำเนินการสอบสวนลงโทษอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของกรมการขนส่ง ทางบก ด้านประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างว่าสามารถดำเนินการทางทะเบียนรถหรือใบอนุญาตขับรถได้โดยไม่ ผ่านตามระเบียบขั้นตอนของทางราชการที่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากแล้ว ยังได้รับเอกสาร ปลอม ซึ่งหากนำไปใช้จะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ