นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผย กรณีปัญหาการให้บริการของแอพพลิเคชั่นสำหรับเรียกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล UBER ซึ่งมีผู้โดยสารร้องเรียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าถูกผู้ขับรถทำร้ายร่างกาย ไม่ส่งตามจุดหมายที่ตกลงไว้โดยมีการตัดยอดค่าบริการผ่านบัตรเครดิตแล้ว และเมื่อแจ้งปัญหาไปยังผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นดังกล่าว กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือในการติดตามหรือให้ข้อมูลผู้ขับรถแต่อย่างใด สำหรับกรณีดังกล่าวกรมการขนส่งทางบกได้เรียกตัวผู้ขับรถตามข้อมูลที่ปรากฏในรายการทางทะเบียนของกรมการขนส่งทางบกให้มารายงานตัว เนื่องจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะเดียวกับรถแท็กซี่ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานนำใช้รถผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้ พร้อมกันนี้ ได้ทำหนังสือไปยังบริษัทผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น UBER เพื่อให้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ผิดประเภทภายใต้บริการของบริษัท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกเคยชี้แจงและแจ้งข้อกฎหมายให้ทางบริษัทรับทราบก่อนหน้านี้แล้ว .jpg)
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกแนะนำให้ประชาชนเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ ซึ่งรถแท็กซี่ที่สามารถนำมารับส่งผู้โดยสารได้ต้องจดทะเบียนเป็นรถยนต์สาธารณะเท่านั้น สังเกตจากป้ายทะเบียนพื้นสีเหลืองตัวอักษรสีดำ และผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ซึ่งกระบวนการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะจะมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกการให้บริการที่ดี มีการทดสอบความสามารถในการขับรถให้บริการตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลผู้ขับรถทุกคนในศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ สามารถตรวจสอบและดำเนินการติดตามตัวได้ทันทีกรณีที่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์
นอกจากนี้ยังมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ทางสายด่วน 1584 หรือทางเว็บไซต์ที่ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/