ทำด้วยศรัทธา อาสาด้วยใจกับ “กองร้อยน้ำหวาน” จังหวัดบึงกาฬ

                ภาคีป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ดำเนินการรณรงค์การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดในหลายพื้นที่ โดยคณะทำงานสนับสนุนแผนงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดบึงกาฬ ดำเนินโครงการ “กองร้อยน้ำหวาน” เพื่อช่วยจัดการด้านการจราจร อำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยให้กับชุมชน และการปราบการจลาจลที่อาจเกิดขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยของจังหวัดบึงกาฬ

                นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬมีข้าราชการไม่เพียงพอ ทำให้ต้องใช้กำลังประชาชน แล้วพบว่าผู้หญิงเป็นกำลังที่สำคัญอย่างมาก จึงเกิดเป็น “กองร้อยน้ำหวาน” ปัจจุบันมี 3กองร้อย (1 กองร้อย มีจำนวน 120คน) และกำลังจะเปิดอบรมกองร้อยที่ 4 ขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังพลให้สามารถดูแลพื้นที่ได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น หลังจากกองร้อยน้ำหวานลงปฏิบัติหน้าที่ พบว่าเหตุทะเลาะวิวาทนั้นลดลงอย่างชัดเจน เพราะผู้หญิงจะนุ่มนวลกว่า เมื่อประชาชนเห็นกองร้อยน้ำหวานก็จะคิดเสมือนว่าเป็นแม่ หรือคนในครอบครัว ทำให้เรื่องที่รุนแรงก็จะดูเบาลง รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ที่สำคัญผู้หญิงสามารถตรวจค้นได้ทุกคน ทำให้ช่วยเหลือตำรวจตรวจค้นยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆได้ และอีกหนึ่งภารกิจที่ประสบความสำเร็จไปด้วยดี คือการขอคืนผืนป่า โดยไม่มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น

                พ.ต.อ.อนุกูล  ดาวลอย ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ เผยถึงหลักสูตรสำหรับฝึกกองร้อยน้ำหวานนั้นแบ่งเป็น 2วัน โดยวันที่ 1 เป็นการฝึกระเบียบแถว การปฏิบัติตามคำสั่ง ให้ความรู้ด้านต่างๆ วิธีการแจ้งข่าวสารที่สำคัญ และวันที่ 2 เน้นฝึกการป้องกันตัว การต่อสู้ ทั้งมือเปล่า และพร้อมอาวุธ เช่น กระบอง ส่วนการคัดเลือกทีมกองร้อยน้ำหวานนั้น จะเปิดรับตามความสมัครใจ เน้นให้โอกาสกับทุกคนที่สนใจ โดยปัจจุบันมีอายุตั้งแต่ 20 – 65ปี หากร่างกายไม่พร้อมที่จะฝึกภาคสนาม เช่น มีโรคประจำตัว ก็จะสนับสนุนให้ความรู้ทางด้านวิชาการแทน

               1ใน ทีมกองร้อยน้ำหวาน เปิดเผยว่า ตนเองต้องสวมหลายบทบาท ทั้งเป็นแม่ของลูก เป็นแม่บ้าน เป็นชาวสวน แต่ก็ภูมิใจอย่างมาก และยินดีที่จะช่วยเหลือในทุกๆด้าน ตนนั้นไม่มีรายได้จากภารกิจนี้ แต่ตนขอเป็นจิตอาสา ที่ยึดมั่นในคติ “ทำด้วยศรัทธา อาสาด้วยใจ”

                จากที่ทีมข่าวลงดูการฝึกของทีม “กองร้อยน้ำหวาน” พบว่า ทุกคนต้องฝึกด้วยชุดสีนำเงิน หมวกสีแดง กลางแดด และอากาศที่ร้อนจัด เป็นเวลากว่า 1ชั่วโมง ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อม บางคนถึงขั้นเป็นลม เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปกรีดยาง กลับบ้านมาทำหน้าที่แม่บ้าน แล้วก็เตรียมตัวออกมาฝึกซ้อม หรือออกไปปฏิบัติภารกิจ ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่สิ่งที่ทีมข่าวยังแอบได้เห็นนั่นคือ “รอยยิ้ม” ของทีมกองร้อยน้ำหวานทุกๆคน ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนอบอ้าว แต่ดูแล้วยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น....

ขอขอบคุณข้อมูลโดย

1. นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

2. สถานีตำรวจภูธร เมืองบึงกาฬ

3. กองร้อยน้ำหวาน จังหวัดบึงกาฬ

ผู้สื่อข่าว : วริศรา  ชาญบัณฑิตนันท์