สภาขับเคลื่อนการปฎิรูประเทศด้านสังคม ร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง กรมการขนส่งทางบก สำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิเมาไม่ขับ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จํากัด สถานีวิทยุจส.100 และอื่นๆหลายหน่วยงาน จัดโครงการ"ถนนคนดี" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์สร้างเครือข่ายคนทำดี ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในการขับขี่ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน หวังเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ยั่งยืน
.jpg)
พล.ต.อ.ไตรรัตน์ อมาตยกุล ประธานคณะทำงานโครงการถนนคนดี เปิดเผยว่า ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอย่างหนัก จากรายงานสถิติอุบัติเหตุขององค์การอนามัยโลกปี 2558 พบว่า ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียขีวิตจากอุบัติเหตุสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน โดยมีค่าเฉลี่ย 36.2 คนต่อประชากร 100,000 คน และติดอันดับสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับ 2 ของโลก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความประมาท ขาดวินัยจราจร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อค เมาแล้วขับ ขับรถย้อนศร และขับรถเร็ว ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าปัญหานี้ควรเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงเกิดเป็นโครงการถนนคนดีขึ้นมา
.jpg)
สำหรับรูปแบบโครงการแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
1. ระยะแรก
ดำเนินงานให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เช่น ให้นักเรียนและผู้ปกครอง มีส่วนร่วมในการเรียนรู้วินัยจราจรบริเวณถนนหน้าโรงเรียน จัดตั้งอาสาสมัครด้านการจราจร
2. ระยะที่สอง
ปลูกฝังและรณรงค์ให้ประชาชน ยึดหลักกิจกรรม "5ส" ประกอบด้วย
"สร้างจิตสำนึก" โดยเริ่มที่ตนเอง
"ใส่ใจ" รักษากฎหมายและวินัยจราจร
"สะอาด" ดูแลสภาพถนน และยานพาหนะ เพื่อความปลอดภัย
"สะดวก" เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย
"สวยงาม" ดูแลความร่มรื่นของถนน
นอกจากนี้ ยังมีดารานักแสดงจากภาคีเครือข่าย ช่วยกันรณรงค์ตามแง่มุมต่างๆ เพื่อเป็นข้อเตือนใจ แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น
- การมีน้ำใจให้ทางแก่ผู้อื่น และหยุดรถให้คนข้ามถนน
- ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ หากจำเป็น ควรมีอุปกรณ์เสริม เช่น bluetooth หรือ small talk
- ไม่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และที่สำคัญเมาไม่ขับ
- เปลี่ยนมุมมองการถูกบีบแตรใส่ หันกลับมามองตนเองว่าทำอะไรผิดหรือลืมทำอะไรหรือไม่ แทนการโมโหผู้อื่นกลับทันที
ทั้งนี้ โครงการถนนคนดี จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติครบ 70 ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ