!-- AdAsia Headcode -->

"บ้านโป่งน้ำร้อน" ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แหล่งผลิต"ชา-เมี่ยง" เชียงราย

20 สิงหาคม 2559, 15:44น.


บ้านโป่งน้ำร้อน ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย ตั้งอยู่ในหุบเขา ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 30 กิโลเมตร ต้องขับรถผ่านถนนลาดยางเล็กๆ เป็นพื้นที่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี สภาพทั่วไปของชุมชนรายล้อมไปด้วยภูเขา เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งย่อยออกเป็น 4 หย่อมบ้าน คือ หย่อมบ้านคนเมือง หย่อมบ้านสองแคว (จีนฮ่อ) หย่อมบ้านอาข่า และหย่อมบ้านลีซอ รวม 40 หลังคาเรือน 




บ้านโป่งน้ำร้อน มีบ่อน้ำร้อนผาเสริฐ อาชีพหลักของชาวชุมชนบ้านโป่งน้ำร้อน คือ การทำไร่ชาพื้นเมืองพันธุ์อัสสัม ไร่ชาอูหลง และสวนเมี่ยง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเก็บใบชา ทำเมี่ยง เดินป่า และเที่ยวน้ำตกได้ สอดรับกับนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่สนับสนุนให้ท่องเที่ยวพร้อมเรียนรู้(Creative Tourism) สามารถทดลองทำพร้อมกับชาวบ้านได้ 




นายเดชา เตมิยะ ชาวบ้านเล่าว่า ต้นชาที่มีอยู่ส่วนใหญ่ไม่ได้ปลูก เพราะมีมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ หรือประมาณ 8-9 ปีก่อน ชาวบ้านรุ่นนี้แค่มาเก็บมาทำตามกระบวนการและนำไปขายสร้างรายได้ให้ชุมชน ซึ่งในแต่ละปีต้นชาสามารถเก็บได้มากถึง 9 เดือน (มี.ค. - พ.ย.) พักเพียง 3 เดือนเท่านั้น




แท้ที่จริงแล้วเมี่ยงกับชาเป็นต้นเดียวกัน ต่างกันที่กระบวนการทำที่เกิดจากการหมักและการเก็บ เช่น


ชาเขียว คือ การเก็บใบสีเขียวยอดบนสุด 


ชาขาว คือ คือการเก็บใบที่ 2-3 จากยอดบนสุด สีจะอ่อนลงมา


ชาอู่หลง คือ การเก็บใบที่ 2-3 จากยอดบนสุด แต่ใบจะแก่เล็กน้อย


เมี่ยง คือ การเก็บใบแก่เพียงครึ่งใบ




กระบวนการผลิตชา เริ่มจากนำใบชาสดไปคั่วในเครื่องคั่วชา ครั้งละ 34-45 กก. อุณหภูมิต้องไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส ซึ่งชาวบ้านจะใช้มืออังตามความรู้สึก รอเครื่องคั่วช้าหมุนคั่ว 5-7 นาที จะนำชาออกมาเข้าเครื่องนวดคล้ายการบีบอัดอีก 10 นาที จะกลายเป็นใบชากรอบ ที่นำไปต้มเป็นน้ำชา ขายกิโลกรัมละ 150 บาท




ส่วนกระบวนการทำเมี่ยง จะใช้วิธีการนึ่งประมาณ 45 นาที แล้วนำออกมาหมักให้มีรสเปรี้ยว จะกลายเป็นเมี่ยงอม ขายกำละ 15 บาท ใน 1 เดือนส่งขายได้ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท




สำหรับนักท่องเที่ยวที่มา ส่วนใหญ่เป็นแบบกรุ๊ปทัวร์จอง บอกต่อกันปากต่อปาก ไม่ได้มีการโปรโมทมากนัก เหมาะสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบธรรมชาติ มีทั้งแบบเที่ยววันเดียว(One Day) คนละ 500 บาท แบบนอนโฮมสเตย์ 1 คืน คนละ 1,200 บาท และแบบนอนในป่า 1 คืน คนละ 1,500 บาท มีกิจกรรมแตกต่างกันออกไป เช่น การเก็บชา ผลิตชา กินแคปเจ ทานอาหารท้องถิ่นในสวน ชมการแสดงทางวัฒนธรรม การเดินป่า และการเที่ยวน้ำตก




วิธีการทำ แคปเจ คือ การนำแป้งที่ทำจากข้าวบาร์เล่ย์ผสมน้ำ  พันกับไม้ไผ่เพื่อนำไปต้ม จากนั้นนำขึ้นมาคลุกเครื่องปรุงรสซุปเห็ดหอม และนำไปอบ เมื่อเสร็จสิ้นจะถอดออกจากไม้ไผ่ กลายเป็นแคปเจแห้ง ส่งขายตามร้าน เพื่อให้นำไปทอดขายต่อไป คล้ายกับข้าวเกรียบทอด




สำหรับการท่องเที่ยวที่บ้านโป่งน้ำร้อน เหมาะสำหรับเที่ยวช่วงหน้าหนาว ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อชาวบ้านได้โดยตรง




 


 


อภิสุข เวทยวิศิษฏ์

 


สามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของสถานีวิทยุ จส.100 ได้ทาง


        



สามารถดาวน์โหลด JS100 Application ได้ทั้งระบบ IOS และ Andriod ฟรี!!





   

X