เช็คอิน 'เมืองแป้(แพร่)' เมืองสโลว์ไลฟ์ วิถีไทยล้านนา

15 มิถุนายน 2559, 11:15น.


ถ้าพูดถึงที่เที่ยวในจังหวัดแพร่ สถานที่ที่โดดเด่นและกล่าวถึงกันมากที่สุดคงเป็นพระธาตุช่อแฮ กับ แพะเมืองผี แล้วแฟนๆ จส.100 ละคะคิดถึงที่ไหนกัน?......คิดกันนานเลยล่ะสิ ^^ วันนี้ปิ๊ก JS100 Online Reporter ขออาสาพาทุกคนไปรู้จักกับจังหวัดแพร่ให้มากขึ้นเองค่ะ ขอเอาความสวย...เอ้ย ตำแหน่งการันตีเลยค่ะว่าถ้าได้รู้จักจังหวัดแพร่แล้ว จะต้องกลายเป็น 1 ใน Top 10 ที่เที่ยวที่อยู่ในลิสต์การเดินทางของชาวสโลว์ไลฟ์แน่นอน



แพร่ (คำเมืองอู้ว่า แป้ จ้าว) หรือเรียกอีกชื่อว่า เมืองพล จังหวัดเล็กๆ สงบๆ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะใช้เป็นทางผ่านก่อนที่จะไปเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่หรือเชียงราย แพร่อาจจะไม่ได้เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวโดดเด่นหลายที่ แต่ถ้าเรื่องของความสงบ สบายๆ ยังคงกลิ่นอายความเป็นพื้นเมืองอยู่ละก็ แพร่นี่แหละครองใจเลยค่ะ



เริ่มทริปนี้เราอาศัยเจ้านกลัดฟ้าจากกรุงเทพมาค่ะ เที่ยวบินที่จะมาแพร่มีจำกัด เครื่องบินที่นั่งมาเป็นลำเล็กและจำกัดน้ำหนักของผู้โดยสาร (ถึงขั้นต้องชั่งทั้งน้ำหนักผู้โดยสารกับกระเป๋าเลยล่ะค่ะ)





พอมาถึงแล้วสนามบินที่แพร่ไม่มีสายพานลำเลียงกระเป๋านะค่ะ ต้องยกกระเป๋ากันมาเองค่ะ ณ จุดนี้ถ่ายไม่ทันค่ะ (แหะๆ)



สำหรับสถานที่แรกที่จะพาทุกคนไปก็คือ วัดพระธาตุช่อแฮ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ สำหรับปีนี้คงเป็นสถานที่ท็อปฮิตของคนเกิดปีขาลเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีความเชื่อว่า ปีนี้เป็นปีชงของคนปีขาล หากได้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ ก็จะเกิดความสิริมงคลแก่ชีวิตของคนเกิดปีขาล







ต่อกันที่ที่สองคือวัดพระธาตุดอยเล็ง อยู่ห่างจากวัดพระธาตุช่อแฮเพียง 3 กิโลเมตร สามารถจอดรถด้านล่างแล้วเดินขึ้นไปวัดหรือจะขับรถขึ้นไปก็ได้ค่ะ แต่ทางแอบหวาดเสียวนิดนึง ด้านบนจอดรถได้ไม่เยอะมากค่ะ พอมาถึงข้างบนแล้วลมเย็นมาก สามารถมองเห็นพระธาตุช่อแฮได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในตัวเมืองแพร่ก็ว่าได้ค่ะ





ซูมเข้าไปอีกนิดจะเห็นพระธาตุช่อแฮเด่นเป็นสง่าเลยล่ะค่ะ





หลังจากไปไหว้พระ ใช้พลังงานเดินขึ้นดอย ท้องก็เริ่มร้อง กลางวันนี้จะไปทานขนมเส้นเมืองแป้

ที่ร้านขนมจีนขยุ้ม ที่นี่มีน้ำยาให้เลือกเยอะมาก ทั้งน้ำยาปลา น้ำยาเห็ดหอม น้ำยาป่า น้ำพริกหวาน ส่วนตัวแล้วชอบน้ำเงี๊ยว รสชาติจัดว่าถึงใจค่ะ 









หลังจากเติมพลังกันจนพุงกาง สถานที่ต่อไป เราจะมุ่งหน้าไปที่พระธาตุอินทร์แขวน ประดิษฐานอยู่บนดอยผาสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกล การเดินทางก็ต้องขับรถขึ้นเขาไป โค้งเยอะพอสมควร งานนี้เลยขอแอบงีบซะหน่อย เพราะกลัวเมารถค่ะ ฮ่าๆๆ พอมาถึงแล้วขอบอกว่า อากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีมาก สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดแบบไม่ต้องกลัวควันรถแบบกรุงเทพค่ะ ทิวทัศน์รอบๆตัวโอบกอดด้วยขุนเขาเขียวชอุ่ม (แอบกระซิบนิดนึงว่าบรรยากาศดีมากจนพี่ที่ร่วมทริปด้วยกันอยากมาบวชอยู่ที่นี่เลยล่ะคะ) เหมาะกับการถ่ายภาพสวยๆ อวดเพื่อนสุดๆอ่ะ แต่ยังแชร์ลงโซเชียลไม่ได้นะคะ ไม่ใช่ว่าพระท่านห้ามนะคะ แต่บนนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ 





หลังจากสูดบรรยากาศ เก็บภาพกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อสักการะ พระผุด ขึ้นไปอีกนิดก็จะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ บรรยากาศจากมุมนี้ก็สวยไม่แพ้ด้านล่างค่ะ







เราใช้เวลาสัมผัสธรรมชาติกันจนถึงเย็น ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็น มื้อนี้เราจะไปเดินกาดกองเก่ากันค่ะ กาดกองเก่าหรือถนนคนเดินอยู่ตรงหน้าวัดพระนอน เปิดตั้งแต่เวลา 15.00 ถึง 20.00 น. ที่นี่มีอาหาร ขนมหวาน และสินค้าพื้นเมืองให้จับจ่ายใช้สอยมากมาย ขอบอกว่าถ้าไปเดินประมาณ 6 โมงแล้ว จะซื้อของต้องรีบซื้อเลยนะคะ เพราะถ้าวนกลับมาอีกรอบ ร้านอาจจะปิดไปแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ











เดินตลาดเสร็จแล้ว ยังทานไม่จุใจเลยมาต่อกันที่ร้านคัพดี มีทั้งนมปั่น ขนมปังปิ้ง ปังเย็นค่ะ





พอเห็นปังเย็น ไซส์นี่ถือว่าคัพดีสมชื่อค่ะ ทานกันสี่คนอิ่มแปล้เลยทีเดียว





ระหว่างทางที่กลับเข้าที่พัก สองข้างทางนี่เงียบมากๆ ซึ่งขณะนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ คนเมืองแป้เค้านอนกันแต่หัวค่ำเลยนะคะ ^^ (แต่ในขณะที่ 2 ทุ่ม กรุงเทพฯยังคงวุ่นวายอยู่เลย) 



 



สำหรับที่พักคืนนี้เราจะไปเช็คอินกันที่ ไรวินทร์บุรี รีสอร์ท บรรยากาศสบายๆ รีสอร์ทเป็นอาคาร 1 หลัง เป็นเรือนไม้สไตล์วินเทจ มีความย้อนยุคด้วยการทาสีเหลืองนวล ซึ่งภายในที่พักค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว เจ้าของรีสอร์ทก็น่ารักเป็นกันเอง แถมราคาไม่แพงด้วย (ถูกและดีมีอยู่จริงค่ะ)







เริ่มต้นเช้าวันที่สองของทริป ที่คุ้มเจ้าหลวงค่ะ คุ้มเจ้าหลวงหรือเดิมเนี่ยเรียกง่ายๆก็คือเป็นบ้านของเจ้าเมืองนั่นเองค่ะ ซึ่งตอนนี้ได้ดัดแปลงจากบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งภายในก็มีข้าวของ เครื่องใช้โบราณให้ดู ให้ศึกษามากมายเลยทีเดียว ส่วนด้านล่างของคุ้มเจ้าหลวงมีเรื่องเล่ากันว่าเดิมเคยเป็นคุกมาก่อน ซึ่งมองจากด้านนอกแล้วมีขนลุกค่ะ เพราะเราจะเห็นเป็นกรงๆ ด้านในจะมืดสนิท ถ้ามากลางคืนคงมีวิ่งกันแน่ๆค่ะ 





ขับรถออกมาจากคุ้มเจ้าหลวงมาที่คุ้มวงศ์บุรี เป็นเรือนทรงยุโรปประยุกต์สีชมพูทั้งหลัง หลายๆคนคงคุ้นหูคุ้นตากัน เพราะว่าเป็นที่ถ่ายทำละครหลายเรื่อง (ถ้าใครเคยดู ผีอีแพง คงจำกันได้ใช่มั้ยละคะ) ที่นี่ที่เป็นสีชมพูทั้งหลังเพราะสร้างเป็นเรือนหอนั่นเองค่ะ ซึ่งด้านบนก็เป็นพิพิธภัณฑ์เช่นกันค่ะ เสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาทเท่านั้น





ในซอยเดียวกันนี้จะมีวัดพระนอน เป็นสถาปัตยกรรมตามสไตล์ล้านนา และภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระนอนองค์เก่าแก่ด้วยค่ะ







ไปต่อกันที่ วัดจอมสวรรค์ เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 วัดยังเป็นไม้ทั้งหลังและการสร้างเป็นรูปแบบล้านนา การตกแต่งวัดก็มีการห้อยโคมต่างๆ เหมือนได้ย้อนไปหลายร้อยปีก่อนเลยค่ะ









และมื้อกลางวันวันนี้เราจะไปทานก๋วยเตี๋ยวโบราณกัน ร้านแต่งสไตล์วินเทจ (ก็ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณนี่นา) ซึ่งบริเวณผนังของร้านมีกรอบรูปแขวนภาพไว้เพียบ ซึ่งภาพนั้นเป็นภาพที่มีทุกบ้านค่ะ ^^ 







 ขอบอกเลยว่าที่ร้านนี้ อร่อยทุกเมนู มีทั้งก๋วยเตี๋ยวโบราณ ข้าวคลุกกะปิ (เขียนรีวิวไป ท้องร้องไปค่ะ)







และที่สุดท้ายของทริปนี้ เราจะไปกันที่ แพะเมืองผีค่ะ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ แอบงีบ แปบเดียวก็ถึงแล้ว ฮ่าๆ พอมาถึงแนะนำว่าต้องเตรียมกันแดดให้พร้อม เพราะที่นี่เป็นลักษณะการทรุดตัวของดิน และในบริเวณแพะเมืองผีจะไม่มีต้นไม้ แต่ที่นี่มีหลายๆมุมให้เก็บภาพ ชิคๆ เพียบเลยละคะ ถึงแม้แดดจะร้อนแรงแค่ไหน แต่ก็ยอมสู้เพื่อภาพสวยๆค่ะ







สำหรับเวลาแห่งความสโลวไลฟ์ครั้งนี้ก็หมดลง รู้สึกประทับใจ อิ่มเอมใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจากที่ชีวิตต้องเร่งรีบตลอดเวลาในเมืองหลวง แต่พอมาถึงที่นี่ทุกๆอย่างค่อยๆดำเนินไปตามวิถีของมัน เหมือนได้เติมเต็มพลังงานชีวิตอีกครั้ง ถ้ามีโอกาสกลับมาอีกแน่นอนค่ะ และสำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะไปดีไหม ปิ๊กขอบอกค่ะว่า ไม่ควรพลาด รับรองว่าถ้ามาแล้วจะติดใจจนไม่อยากกลับกรุงเทพแบบปิ๊กเลยล่ะค่ะ



และเมื่อวันที่ 18-21 มีนาคมที่ผ่านมา ทางจส.100 ได้ร่วมกับคุณพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่และคุณปิยะพัฒน์ ไพบูลย์ศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแพร่นายกเหล่ากาดชาดจังหวัดแพร่ จัดทริป จัดทริปเที่ยวแพร่แชร์บุญ ส่งมอบวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการและผู้สูงอายุ 118 คันที่คุ้มเจ้าหลวง ปิ๊กเลยแอบเก็บภาพบรรยากาศในการส่งมอบมาฝากด้วยค่ะ



 





แล้วครั้งหน้าปิ๊กจะพาไปเที่ยวที่ไหนต้องติดตามนะคะ สำหรับ JS100 Online Report : เช็คอินเมืองแป้(แพร่) เมืองสโลว์ไลฟ์ วิถีไทยล้านนาครั้งนี้ สวัสดีค่ะ ^^



สามารถติดตามความข่าวสารและความเคลื่อนไหวของสถานีวิทยุ จส.100 ได้ทาง


     



สามารถดาวน์โหลด JS100 Application ได้ทั้งระบบ IOS และ Andriod ฟรี!!



 

X