4 หน่วยงานสาธารณูปโภค ผนึกกำลังลงนาม MOU ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเกาะสมุย และรองรับการท่องเที่ยว โครงการ ‘ทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย’

19 ธันวาคม 2568, 11:36น.


4 หน่วยงานสาธารณูปโภค ผนึกกำลังลงนาม MOU ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเกาะสมุย และรองรับการท่องเที่ยว โครงการ ‘ทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย’  



      วันที่ 19 ธันวาคม 2568 กระทรวงคมนาคม จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ การดำเนิน ‘โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย’ เพื่อรองรับระบบสาธารณูปโภคของหน่วยงานสาธารณูปโภค ระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)   



      โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ., นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)   นายจักรพงศ์ คำจันท ร์ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (PWA) และพันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจลงนามผูกพัน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) ร่วมลงนาม ณ หอประชุม 0101 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)  

      นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ปัจจุบันการเดินทางข้ามเกาะสมุยทำได้เพียง 2 วิธี คือ โดยสารเรือเฟอร์รี่และเครื่องบิน ซึ่งบางช่วงเวลาอาจประสบปัญหาการเดินทาง โดยเฉพาะผลกระทบจากสภาพอากาศและพายุ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จึงพิจารณาทางเลือกการเดินทางอีกรูปแบบ ด้วยโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว ตลอด 24 ชั่วโมง 



 
      ซึ่งไม่เพียงแต่เจะป็นเส้นทางคมนาคมที่จะช่วยยกระดับการเดินทาง และส่งเสริมการท่องเที่ยวของเกาะสมุยเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล โดยการเปิดพื้นที่ให้เป็นโครงข่ายหลัก ในการติดตั้งระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นของชาติ การทางพิเศษฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความริเริ่มในการบูรณาการการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทางพิเศษอย่างสูงสุด   

      ความร่วมมือกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)ในวันนี้ คือ ‘การผนึกกำลังครั้งสำคัญ’ ที่จะช่วยให้การส่งผ่านพลังงานไฟฟ้า น้ำประปา และระบบสื่อสารโทรคมนาคม สามารถเข้าถึงและให้บริการแก่ประชาชนและผู้ประกอบการบนเกาะสมุยได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ สามารถสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่กว่าการดำเนินการเพียงลำพัง  



      “การใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันจะช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศ ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและการก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอำนวยความสะดวกในการบำรุงรักษา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ”   



      นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ชี้ว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยมีความจำเป็นอย่างยิง เพราะจะช่วยยกระดับความมั่นคงด้านการคมนาคม ความปลอดภัยสาธารณะและคุณภาพชีวิตของประชาชน จากปัจจุบันการเดินทางเข้า-ออกเกาะสมุยมีข้อจำกัดและเปราะบางต่อสภาพอากาศ คือ เรือเฟอร์รี่และเครื่องบิน   

      ส่งผลต่อประชาชน การท่องเที่ยว และการรับมือเหตุฉุกเฉิน โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงสะพานคมนาคมแต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานร่วมสำหรับวางระบบน้ำประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคมอย่างครบวงจร การลงนาม MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการแผนงาน เพื่อ ‘ลดการลงทุนซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ’ มุ่งผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นจริง เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการพัฒนาเกาะสมุย อย่างยั่งยืน   



      ด้านนายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การลงนาม MOU โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะด้านพลังงานไฟฟ้า ที่ผ่านมา เกาะสมุยเคยประสบปัญหาไฟฟ้าดับจากความเสียหายของระบบสายส่งใต้น้ำ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและซ่อมบำรุงได้ยาก โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้สามารถวางระบบสายส่งไฟฟ้าหลักบนโครงสร้างสะพานทางพิเศษ ที่มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น ช่วยลดการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณูปโภคอย่างเป็นระบบ PEA พร้อมสนับสนุนระบบไฟฟ้าที่มั่นคง  

      ส่วนนายจักรพงค์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เป็นการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศร่วมกัน เกาะสมุยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากรน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำ โครงการดังกล่าว จะเอื้อให้สามารถวางระบบท่อส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ผ่านโครงสร้างทางพิเศษได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาระบบน้ำที่มั่นคง มีมาตรฐาน และรองรับการเติบโตของเกาะสมุยในอนาคตได้อย่างยั่งยืน   



      ขณะที่ พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) บอกว่า เกาะสมุยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่จำเป็นต้องมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีเสถียรภาพและทันสมัย ปัจจุบันบางพื้นที่ยังประสบปัญหาสัญญาณไม่เสถียรจากข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานเดิม และปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย จะเอื้อให้ NT สามารถวางโครงข่ายสื่อสารความเร็วสูงบนโครงสร้างสะพานที่มีความมั่นคงและปลอดภัย รองรับเทคโนโลยีอนาคต อาทิ 5G, Smart City, Smart Tourism และบริการดิจิทัลต่าง ๆ NT พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับระบบสื่อสารของเกาะสมุยให้มีความเสถียร ทันสมัยและรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน  

      ผู้ว่าการ กทพ. ย้ำว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมของ 4 หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน น้ำประปา และโทรคมนาคม ให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บนโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของประเทศ แต่ยังยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค รองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนบนเกาะสมุยและพื้นที่ใกล้เคียง   



      ทั้งนี้ จะเสนอ ครม. ในปี 2570 เริ่มก่อสร้างปี 2572 เปิดบริการปี 2577 มูลค่าโครงการประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เก็บค่าผ่านทางราว 1,000 บาทต่อเที่ยว สำหรับรถ 4 ล้อ คาดว่าจะมีกำไร 3%   

      “ยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่การดำเนินโครงการใด จะได้รับการเห็นด้วย 100 % แต่ กทพ.มองประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก” นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข สรุปในตอนท้าย  

----------------------------------------------

“องค์กรนวัตกรรมเพื่อการเดินทาง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

Innovation for better drive and better life”      

   
  โครงการ ‘ทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย’ ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร เชื่อมโยง 3 พื้นที่ ใน 2 จังหวัด คือ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ดอนสัก อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จุดเริ่มต้นโครงการจากทางหลวงหมายเลข 4142 บริเวณ กม. 14+500 ใน อ.ดอนสัก จุดสิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 4170 บริเวณ กม. 9+000 ใน อ.เกาะสมุย   

      >> รูปแบบถนน    

      เป็นถนนระดับดินและสะพานข้ามทะเลขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร แบ่งเป็น ระดับดิน 15 กม. และสะพานข้ามทะเล 22 กม.   

      >> รูปแบบสะพานข้ามทะเล  

      เป็นสะพานหลักรูปแบบสะพานขึง สะพานลอยรูปแบบสะพานคานขึง และสะพานทั่วไปรูปแบบสะพานคานคอนกรีตกล่อง   

      โดยจะมีด่านเก็บค่าผ่านทางและที่พักริมทางตั้งอยู่แนวเส้นทางโครงการ บริเวณ กม. 8+500   



      >> ประโยชน์ของโครงการ 

1.จะสามารถเดินทางข้ามฝั่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

2.เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางข้ามฝั่ง 

3.ลดระยะเวลาในการเดินทางของประชาชน 

4.ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น  

      >> แผนการดำเนินโครงการ 

      กทพ.ลงนามจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจการเงินและผลกระทบสิ่งแวดล้อม   

      เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 ระยะเวลาดำเนินงาน 1,080 วัน (36 เดือน) ก่อนขออนุมัติรายงานประเมินผลผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และขออนุมัติในโครงการต่อไป  

      ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 (สรุปผลการศึกษา) เร็ว ๆ นี้  

      คาดว่าจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ ในปี 2572 และเปิดให้บริการในปี 2577

 

X