ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนักในจังหวัดสงขลาและหลายพื้นที่ของภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ ทั้งบ้านเรือนและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย รวมถึงมีรถยนต์จำนวนมากถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถใช้งานได้ สร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง สมาคมประกันวินาศภัยไทยขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวสามารถผ่านพ้นวิกฤตได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยและบริษัทสมาชิกทุกแห่งพร้อมเดินหน้าให้ความคุ้มครอง ดูแล และอำนวยความสะดวกด้านสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วและเต็มความสามารถ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบประกันวินาศภัยมีความมั่นคง พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ฟื้นฟูความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน และสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนในทุกภาคส่วนได้
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งการผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์ การจัดเกณฑ์พิจารณาความเสียหายของรถยนต์ตามประเภทและระดับความเสียหาย รวมถึงแนวทางการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับประกันภัยทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย เพื่อให้การชดใช้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาภาระของผู้เอาประกันภัยได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
1. มาตรการผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัยน้ำท่วมสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยให้บริษัทประกันภัยผ่อนผันการเก็บเบี้ยประกันภัย และรับเบี้ยประกันภัยได้ถึง 180 วัน นับแต่วันที่สัญญาประกันภัยมีผลใช้บังคับ หรือวันที่สัญญาประกันภัยเริ่มต้นมีผลคุ้มครอง
2. แนวทางการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากภัยน้ำท่วมของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
รถยนต์ที่มีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 หรือ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 2+ หรือ 3+ ที่ขยายความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วมนั้น บริษัทประกันภัยในพื้นที่ได้เร่งเข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เอาประกันภัยหลังจากอุทกภัยเริ่มคลี่คลาย เช่น ดำเนินการยก-ลากรถ ดำเนินการนำรถเข้าซ่อม และดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขความคุ้มครองให้กับผู้เอาประกันภัยโดยเร็ว
สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนประเภทรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์สันดาป รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้านั้น รถยนต์แต่ละประเภทจะประเมินตามระดับความเสียหาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
รถยนต์สันดาป ประเมินความเสียหายเป็น 5 ระดับของน้ำที่ท่วมรถยนต์ ตามเกณฑ์การพิจารณาเดิมของสำนักงาน คปภ. ดังนี้
ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน บริษัทคืนทุนประกันภัยให้ผู้เอาประกันภัย
สำหรับรถยนต์ไฮบริด จะประเมินค่าซ่อมตามระดับความเสียหายในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเช่นเดียวกัน แต่ถ้าแบตเตอรี่รถยนต์ได้รับความเสียหายด้วย ราคาแบตเตอรี่รถประมาณ 100,000 บาท
ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้รับความเสียหาย หากน้ำท่วมถึงแบตเตอรี่ และมูลค่าแบตเตอรี่เกิน 70% ของทุนประกันภัย บริษัทคืนทุนประกันภัยให้ผู้เอาประกันภัย
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้กรุณารับไปประสานกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์ หรือการขอคัดสำเนาทะเบียนรถยนต์ เพื่อนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการโอนรถยนต์ให้กับบริษัทประกันภัย ในกรณีที่รถยนต์ของผู้เอาประกันภัยคืนทุนประกันภัย
3. แนวทางการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน สำหรับการประกันภัยทรัพย์สิน มีหลักเกณฑ์การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น ดังนี้
3.1 กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) (มีความคุ้มครองมาตรฐานสำหรับภัยธรรมชาติน้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ ลูกเห็บ ทุกภัยรวมกันแล้วไม่เกิน 10,000 บาท) กรณีที่ไม่ได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม บริษัทฯ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามจำนวนเงินไม่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินความคุ้มครองที่เหลืออยู่ ซึ่งบริษัทสามารถชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยได้ทันที โดยไม่ประเมินความเสียหาย เว้นแต่บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมีมูลค่าน้อยกว่า
3.2 กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย (มีความคุ้มครองมาตรฐานสำหรับภัยธรรมชาติน้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ ลูกเห็บ ทุกภัยรวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาท) กรณีที่ไม่ได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม บริษัทฯ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยสำหรับภัยธรรมชาติ เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 20,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินความคุ้มครองที่เหลืออยู่ ซึ่งบริษัทสามารถชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยได้ทันที โดยไม่ต้องประเมินความเสียหาย เว้นแต่บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมีมูลค่าน้อยกว่า
3.3 กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย (ที่มีการซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม) สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ได้ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วม หรือกลุ่มภัยธรรมชาติเพิ่มเติม บริษัทพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนเร่งด่วนเพิ่มเติมอีก 10,000 บาท (รวมเป็น 30,000 บาท) เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งนี้ จำนวนเงินที่จ่ายเพิ่มจะไม่เกินจำนวนเงินความคุ้มครองที่เหลืออยู่
3.4 กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย (ที่มีการซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วม หรือกลุ่มภัยธรรมชาติเพิ่มเติม) สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ได้ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วม หรือกลุ่มภัยธรรมชาติ บริษัทพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนเร่งด่วน 30,000 บาท เว้นแต่มีการขยายความคุ้มครอง หรือจำนวนเงินความคุ้มครองที่เหลืออยู่ต่ำกว่า 30,000 บาท บริษัทจะพิจารณาจ่ายตามจำนวนเงินความคุ้มครองที่เหลืออยู่
3.5 กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน บริษัทพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนเร่งด่วน 30,000 บาท เว้นแต่มีการจำกัดจำนวนเงินความรับผิดที่เหลืออยู่ต่ำกว่า 30,000 บาท บริษัทจะพิจารณาจ่ายตามจำนวนเงินจำกัดความรับผิดที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ สิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนส่วนที่เหลือตามความคุ้มครอง เมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้นตามข้อ 3.3 – 3.5 แล้ว ไม่ถือเป็นการตัดสิทธิ์ผู้เอาประกันภัยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนส่วนที่เสียหายส่วนที่เกินจากจำนวนดังกล่าว โดยผู้เอาประกันภัยยังคงสามารถดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมตามกระบวนการปกติ ตามความเสียหายที่แท้จริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ได้ทำประกันภัยไว้
3.6 แนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน
สมาคมฯ ได้ประสานงานไปยังสมาคมธนาคารไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์มาตรการในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ สำหรับลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีประกันภัย ในการขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินพิจารณาสละสิทธิ์การรับค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น และยินยอมให้บริษัทประกันภัยจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ผู้เอาประกันภัยโดยตรง เพื่อให้สามารถนำไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนได้ทันที อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะเป็นไปตามเงื่อนไขการพิจารณาของแต่ละธนาคาร
3.7 มาตรฐานราคาค่าซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง
สมาคมฯ จะดำเนินการกำหนดราคากลางงานซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อใช้เป็นแนวทาง (Guideline) ให้บริษัทสมาชิกสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน สำหรับการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลและให้บริการผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหาย สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกด้านประกันภัย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การตรวจสอบข้อมูลในกรณีที่กรมธรรม์สูญหาย ตลอดจนการให้คำแนะนำเกี่ยวกับรายละเอียดความคุ้มครองผ่านช่องทางโทรศัพท์ 0 2108 8399 ในวันและเวลาทำการ และช่องทางออนไลน์ Facebook สมาคมประกันวินาศภัยไทย ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หมายเลขสายด่วนของทุกบริษัทประกันภัยให้ประชาชนรับทราบและติดต่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมถึงประสานงานกับบริษัทสมาชิกให้เตรียมความพร้อมในการให้บริการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัยโดยเร็วที่สุด



