องคมนตรี ติดตามขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นวันที่สอง

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 09.15 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วย นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงาน กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงติดตามผลการดำเนินงานของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนนเรศวรป่าละอู และทรงรับทราบปัญหาการขาดแคลนน้ำของราษฎรตำบลห้วยสัตว์ใหม่ ซึ่งกรมชลประทานได้รายงานแนวทางการให้ความช่วยเหลือ และทรงเห็นชอบ ต่อมาในปีงบประมาณ 2560 คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้อนุมัติงบประมาณแก่กรมชลประทาน เพื่อดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอูฯ ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน ถนน ระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยในปีงบประมาณ 2567 – 2570 กรมชลประทาน มีแผนก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำ ความยาวรวม 34.931 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบแนวท่อกับคลองส่งน้ำเดิม เมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่รับประโยชน์ 7,400 ไร่ พื้นที่ชลประทาน 6,490 ไร่ สามารถส่งน้ำสนับสนุนเพื่อการอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ 6 หมู่บ้านของตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1,095 ครัวเรือน รวมถึงสนับสนุนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนนเรศวรป่าละอู

จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังสวนแม่กีมื้อ ทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ของนางกีมื้อ เข็มเพชร อายุ 78 ปี ผู้ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินเดิมที่ยังดำเนินชีวิตตามวัตถุประสงค์หลักของการจัดสรรที่ดินห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อจัดที่ดินทำกินให้ราษฎร โดยเฉพาะชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงให้มีที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างมั่นคง รวมถึงป้องกันการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งใช้น้ำจากฝายป่าละอู ของกรมทรัพยากรน้ำ ปัจจุบันนางสาวทัศนีย์ เข็มเพชร อายุ 45 ปี และนายปิยะ จันคณา อายุ 55 ปี ผู้เป็นทายาท ได้ช่วยดูแลแปลงเกษตร โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรผสมผสาน อาทิ การปลูกผัก การปลูกผลไม้ และการทำปศุสัตว์ มาปรับใช้ในพื้นที่ของตน



ต่อมา องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง- ป่าละอู ได้รับการจดทะเบียนเป็นประเภทสหกรณ์การเกษตรในชื่อ สหกรณ์โคนมห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2534 และต่อมาได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2539 ปัจจุบันมีสมาชิก 623 ราย ดำเนินธุรกิจหลัก คือรวบรวมน้ำนมดิบ จากสมาชิกเลี้ยงโคนม 103 ราย โดยมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ประกอบด้วย แปรรูปนมผงชนิดเต็มมันเนย และแปรรูปนมพาสเจอร์ไรส์ (นมโรงเรียน) นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้ดำเนินธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย โดยมีซุปเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ยาสัตว์ บริการสมาชิกและบุคคลทั่วไป โอกาสนี้ องคมนตรี ให้ข้อเสนอแนะแนวทางการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เพื่อเพิ่มมูลค่าและช่องทางการจำหน่าย.

.jpg)
