สื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความสำเร็จ วิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี @ ปากน้ำแหลมสิงห์ และศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง” ต่อยอดแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันนี้, 15:21น.


สื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความสำเร็จ วิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี @ ปากน้ำแหลมสิงห์  และศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง”  ต่อยอดแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  



      สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) จัดโครงการ “สื่อมวลชนสัญจร สืบสานพระราชดำริ” โดยนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. นำสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการขยายผลผลสำเร็จจากโครงการพระราชดำริสู่ชุมชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างของการพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งอย่างสมดุลและยั่งยืน   



      วั
นพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2568  นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. นำสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ   จากโครงการ “สื่อมวลชนสัญจร สืบสานพระราชดำริ” ลงพื้นที่ วิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี @ ปากน้ำแหลมสิงห์ หมู่ 1 ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ของนางสุภิดา ลิ้นทอง ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ 18 เมษายน 2565  และได้รับคัดเลือกเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ การเพาะเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายทะเลครบวงจร โดยมีจุดเริ่มต้นจากการ “ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล”จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และสำนักงาน กปร. ในปี 2566 ซึ่งได้รับขยายผลองค์ความรู้ "แปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเล" เกิดเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ สาหร่ายผักกาดทะเลตากแห้ง บะหมี่และพาสต้าสาหร่าย ผงผักม้วนสาหร่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม และโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง 



      วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้มีสมาชิกเริ่มต้น 9 ครัวเรือน ปัจจุบันขยายเป็น 28 ครัวเรือน ภายในเวลาเพียง 1 ปี  7 เดือน โดยดำเนินกิจกรรมด้านการศึกษา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวเชิงชุมชน และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนแก่ชุมชน สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และโมเดลเศรษฐกิจ BCG Economy   







      นอกจากนี้ ศูนย์ฯ คุ้งกระเบน ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้การแปรรูปปลานวลจันทร์ สร้างผลิตภัณฑ์ “ปลานวลจันทร์แห้ง” เป็นรายได้ให้ชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งเทคนิค “การถอดก้างปลานวลจันทร์ทะเลและการแปรรูป” ทำให้กลุ่มชุมชนสามารถต่อยอดสู่นวัตกรรม Zero Waste โดยนำวัสดุเหลือใช้มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การสกัดคอลลาเจนจากหัวและกระดูกปลาเพื่อใช้ทำซุป การหมักพุงปลาเป็นปลาร้า การแปรรูปขี้ปลาเป็นปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสาหร่ายทะเลหลากหลายชนิด   







      จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ชายฝั่ง” ของนายอำนวย วงศ์วารี หมู่ที่ 9 ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ที่ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการใช้เวลาหลังเลิกงาน นำองค์ความรู้ที่ได้จากการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ มาประกอบอาชีพเสริม สร้างรายได้จากการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูนที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ฯ และพัฒนาต่อยอดเป็นแหล่งจำหน่ายพันธุ์ปลาการ์ตูนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาสวยงาม มีการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูนหลากสายพันธุ์ รวมถึงการเพาะผสมพันธุ์ผสมใหม่ เพื่อเป็นแหล่งอนุบาลและขยายพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง ลดการจับปลาสวยงามตามแนวปะการัง และช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลให้กลับมาสมบูรณ์  โดยมีการส่งมอบพันธุ์ปลาการ์ตูนเพื่อปล่อยคืนสู่ทะเลเพื่อการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่งอีกด้วย นับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาอาชีพที่รักษาทั้ง “ชีวิตคน” และ “ชีวิตทะเล” ไว้อย่างกลมกลืน 

 
      ศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามแนวพระราชดำริทั้ง 2 แห่งนี้ นับเป็นผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน  สร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อองค์ความรู้ให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง  เกิดเป็นพลังของการพัฒนาแบบยั่งยืน ที่ผสาน “ธรรมชาติ–เศรษฐกิจ–สังคม” ให้เติบโตไปพร้อมกัน.













X