MEA เผยผลสำเร็จโครงการทดลอง TOU ชี้ 93% ประหยัดจริง! ลดค่าไฟเฉลี่ยกว่า 12.6% พร้อมเดินหน้าโครงการขยายผล รับเพิ่ม 2,000 ราย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 – MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง แถลงผลความสำเร็จ "โครงการทดลองเปรียบเทียบการใช้ไฟฟ้าอัตรา TOU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับบ้านอยู่อาศัย" โดยมี รศ.ดร.อัศม์เดช วานิชชินชัย กรรมการ MEA นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการ MEA และนายมนัส อรุณวัฒนาพร ผู้อำนวยการฝ่ายอุปกรณ์งานจำหน่าย เป็นผู้ร่วมเสวนา แถลงผลสำเร็จโครงการฯ โดยพบว่า มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จนสิ้นสุดทั้งสิ้น 940 ราย ผลลัพธ์ชี้ชัด ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ถึง 93.07% สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้จริง โดยประหยัดได้เฉลี่ย 12.61% หรือคิดเป็นเงินเฉลี่ย 492.09 บาทต่อเดือน และ MEA เตรียมเดินหน้าโครงการขยายผล เปิดรับสมัครเพิ่มอีก 2,000 ราย

รศ.ดร.อัศม์เดช วานิชชินชัย กรรมการ MEA เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า MEA ริเริ่มโครงการนี้ เพื่อ 'เปิดโอกาส' ให้ผู้ใช้ไฟฟ้า 1,000 ราย ที่สนใจอัตรา TOU แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ได้ทดลองเปรียบเทียบค่าไฟระหว่างอัตราปกติกับอัตรา TOU เป็นเวลา 3 เดือน โดย MEA ติดตั้งมิเตอร์ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนได้เห็นข้อมูลจริงประกอบการตัดสินใจ ขณะเดียวกัน MEA ยังได้ข้อมูลสำคัญเพื่อนำไปวิเคราะห์ผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า และพัฒนานโยบายการบริหารจัดการพลังงานของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต

นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการ MEA ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า อัตรา TOU (Time of Use) แตกต่างจากอัตราปกติที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย อัตรา TOU คืออัตราค่าไฟฟ้าที่คิดตามช่วงเวลาการใช้ โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วง On-peak (09.00 - 22.00 น. ของวันจันทร์-ศุกร์) ซึ่งเป็นช่วงที่คนใช้ไฟฟ้าเยอะ สำหรับบ้านอยู่อาศัย ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่หน่วยละ 5.7982 บาท และ ช่วง Off-peak (22.00 - 09.00 น. ของวันจันทร์-ศุกร์ และตลอดทั้งวันของวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) ซึ่งคนใช้ไฟฟ้าน้อย ค่าไฟฟ้าจะถูกมาก เหลือเพียงหน่วยละ 2.6369 บาท ซึ่งต่างจาก 'อัตราปกติ' ที่คิดค่าไฟฟ้าแบบ 'อัตราก้าวหน้า' คือยิ่งใช้ไฟฟ้าเยอะ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยก็ยิ่งสูงขึ้น โดยไม่สนใจว่าใช้เวลาไหน

นายมนัส อรุณวัฒนาพร ผู้อำนวยการฝ่ายอุปกรณ์งานจำหน่าย กล่าวเสริมถึงผลลัพธ์โดยละเอียดว่า เมื่อวิเคราะห์ผลเปรียบเทียบค่าไฟฟ้า 3 รอบบิล พบว่า บ้านเข้าร่วมโครงการฯ ส่วนใหญ่ 859 หลัง หรือ 93.07% มีค่าไฟฟ้าถูกลง โดยประหยัดได้เฉลี่ยถึง 492.09 บาทต่อเดือน (ลดลง 12.61%) ซึ่งบ้านกลุ่มนี้มีการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างมาก มีค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 3,902.75 บาทต่อเดือน ในขณะบ้านเข้าร่วมโครงการฯ ส่วนน้อย 64 หลัง หรือ 6.93% มีค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ย 55.67 บาทต่อเดือน (เพิ่มขึ้น 3.38%) บ้านกลุ่มนี้มีการใช้ไฟฟ้าน้อย เฉลี่ย 1,647.49 บาทต่อเดือน ทำให้การใช้อัตรา TOU ไม่ได้เปรียบเท่าอัตราปกติแบบขั้นบันได ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการประหยัดค่าไฟฟ้า หากเปลี่ยนไปใช้อัตรา TOU มี 2 ประการ คือ 1) การปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า เน้นการใช้ไฟฟ้าในช่วง Off-peak และหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าในช่วง On-peak จะสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ และ 2) ปริมาณการใช้ไฟฟ้า บ้านที่ใช้ไฟฟ้ามากมีแนวโน้มที่จะได้รับผลการประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าบ้านที่ใช้ไฟฟ้าน้อย
รศ.ดร.อัศม์เดช วานิชชินชัย กรรมการ MEA เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จครั้งนี้ MEA จึงตัดสินใจเดินหน้าเปิดตัวโครงการขยายผล “TOU พลัส” โดยจะรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 2,000 ราย เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนพร้อมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ “TOU Plus” MEA จะสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ทราบเพิ่มเติมในช่วงปลายเดือน พ.ย. 2568
#MEA #การไฟฟ้านครหลวง #อัตราTOU #TOU #ประหยัดค่าไฟ #ลดค่าไฟ #โครงการทดลองTOU #พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร