น่าห่วง! เด็ก-เยาวชนไทย ต้องใช้ชีวิตในสถานรองรับเด็ก สาเหตุจากครอบครัวยากจน 20.86%ผู้ปกครองไม่พร้อมเลี้ยงดู 3.50% พ่อ-แม่เป็นแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย 3.26% สร้างบาดแผลทางจิตใจ-พัฒนาการล่าช้า สสส. สานพลัง ดย.-มูลนิธิสุขภาพไทย MOU ใช้สุขภาวะทางปัญญาพัฒนาจิตอาสา-บุคลากรในสถานรองรับเด็ก ให้มีภูมิคุ้มกันทางใจ-มองเห็นความทุกข์ พร้อมช่วยเหลือเด็ก-เยาวชน ให้เติบโตมีคุณภาพชีวิตดี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ย. 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการเด็กและเยาวชน และมูลนิธิสุขภาพไทย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนและพัฒนางานจิตอาสาในสถานรองรับเด็ก ภายใต้โครงการ จิตอาสา : ยั่งยืนจากภายในสู่พลังการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตเด็กในสถานสงเคราะห์
นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ดย. จะร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนและพัฒนางานจิตอาสาในสถานรองรับเด็ก 4 ด้าน 1.ผลักดันแนวปฏิบัติ มาตรการ และกลไกเชิงนโยบายในการเสริมสร้างงานจิตอาสาในสถานรองรับเด็ก เช่น ระเบียบ ประกาศ แผนงาน และงบประมาณในการสนับสนุนให้ดำเนินงานอาสาสมัครได้อย่างต่อเนื่อง 2.สร้างความร่วมมือทางวิชาการ จัดระบบข้อมูล ถอดบทเรียน รวมถึงการศึกษาวิจัยเพื่อนำมาพัฒนางานและขยายผลงานอาสาสมัครให้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในสถานรองรับเด็ก 3.ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานรองรับเด็กและอาสาสมัครให้มีสุขภาวะทางปัญญา ซึ่งจะส่งผลต่อการมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม 4.สร้างความร่วมมือในการสื่อสารงานจิตอาสา และผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของเด็กและเยาวชนที่มีอาสาสมัครมาช่วยดูแล
นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า เด็กไทยจำนวนหนึ่งที่ต้องอาศัยอยู่ในสถานรองรับเด็กมีปัจจัยมาจากครอบครัวยากจน ขาดที่อยู่อาศัย เผชิญความรุนแรงในครอบครัว และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ สอดคล้องกับรายงานสถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชน ปี 2566 โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบมีเด็กและเยาวชนที่เข้ารับบริการสถานรองรับเด็ก สาเหตุจากเด็กอยู่ในครอบครัวยากจน 20.86% ผู้ปกครองไม่สามารถเลี้ยงดูได้ 3.50% ครอบครัวกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง 3.26% ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและพัฒนาการล่าช้า เด็กและเยาวชนที่อาศัยอยู่ในสถานรองรับเด็กจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้แบบอย่างที่ดีจากผู้ใหญ่ ซึ่งจิตอาสาและบุคลากรสถานรองรับเด็ก ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะบ่มเพาะและสร้างการเรียนรู้พัฒนาการทั้ง 4 มิติ ช่วยให้เด็กและเยาวชนได้รับการคุ้มครองและเติบโตเป็นพลเมืองของชาติที่เข้มแข็ง
“สสส. ขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญา (Spiritual Health) ให้กับจิตอาสาและบุคลากรในสถานรองรับเด็ก เรียนรู้ทักษะการสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้เห็นคุณค่าในตนเอง มองเห็นความทุกข์ของผู้อื่น และพร้อมทำงานเพื่อส่วนรวม ตั้งเป้าบ่มเพาะจิตอาสาและบุคลากร 100 คน ในสถานรองรับเด็กนำร่อง 3 แห่ง ได้แก่ 1.สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี 2.สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต 3.สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านศรีธรรมราช โดยการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา จะเป็นเข็มทิศที่ช่วยให้จิตอาสาและบุคลากรสามารถทำงานกับประเด็นทางสังคมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ เด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานรองรับเด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ เลขาธิการ มูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า โครงการ จิตอาสา : ยั่งยืนจากภายในฯ มุ่งพัฒนาจิตอาสาและบุคลากรในสถานรองรับเด็กด้วยกระบวนการสุขภาวะทางปัญญาที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1.สรรหาอาสาสมัคร คัดกรอง และประเมินความพร้อมอย่างเป็นระบบ พร้อมทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ก่อนเข้าร่วมงาน 2.พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่และจิตอาสา ผ่านการเสริมทักษะ กระตุ้นพัฒนาการเด็ก และสร้างความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเด็กในสถานรองรับเด็ก เพื่อให้สามารถดูแลเด็กได้อย่างทั่วถึงและไม่เลือกปฏิบัติ 3.จิตอาสาและเจ้าหน้าที่จับคู่กับเด็กแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เพื่อร่วมทำกิจกรรมและสังเกตพฤติกรรมของเด็ก 4.ถอดบทเรียนการทำงานและประเมินทักษะสุขภาวะทางปัญญา ตามเกณฑ์ 5 ด้าน ได้แก่ การรู้จักตนเองอย่างมีสติ การลงมือเปลี่ยนแปลง การร่วมมือ การเชื่อมโยงมนุษย์กับมนุษย์และสรรพสิ่ง และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หากจิตอาสาและบุคลากรมีสุขภาวะทางปัญญาที่ดี เด็กและเยาวชนที่อยู่ในความดูแลก็จะซึมซับและเรียนรู้ตามไปด้วย