จราจร
ของหายได้คืน
POST & SHARE
จราจร
ของหาย
ได้คืน
POST &
SHARE
153
Tweet
https://www.js100.com/en/site/post_share/view/154239
COPY
ททท. จับมือ Wabu ชวนสื่อฯ ออกเดินสำรวจทริปโลว์คาร์บอน: รีวิวฉบับคนทำงานจาก จส.100 ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องเที่ยว แต่มีเรื่องต้องช่วยกันพัฒนา!
153
Tweet
https://www.js100.com/en/site/post_share/view/154239
COPY
วันนี้, 17:00น.
เมื่อ
ททท. จับมือ Wabu ชวน จส.100
เดินสำรวจเส้นทางโลว์คาร์บอนที่สกลนคร-นครพนม
สวัสดีค่ะทุกคน! ในฐานะนักเดินทางที่อยู่กับ จส.100 และเรื่องราวบนถนนมานาน วันนี้ฉันขอพาไปดูอีกมุมของประเทศไทยที่บอกเลยว่าถ้าไม่ไปเดินเองก็จะไม่มีวันได้สัมผัสค่ะ ทริปนี้เป็นการจับมือกันของ
ททท. และ Wabu (Your Walking Buddy)
แอปพลิเคชันดีๆ ที่ตั้งใจชวนเราไปสำรวจเส้นทาง "โลว์คาร์บอน" หรือทริปท่องเที่ยวแบบลดโลกร้อน ที่เน้นการเดินเท้าเป็นหลัก!
WABU (WAlking BUddy)
เป็นแอปพลิเคชันบนเว็บไซต์ที่พัฒนาโดยบริษัท อิน คอมมอน จำกัด ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีเป้าหมายเพื่อเป็น "คู่หูคู่เดิน" ที่จะพานักท่องเที่ยวสำรวจย่านชุมชนเก่าที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ "โลว์คาร์บอน"
แอปฯ นี้ถูกออกแบบมาให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเอง โดยนำเสนอเส้นทางที่แตกต่างจากการใช้ GPS ทั่วไป นอกจากจะช่วยบอกทางแล้ว WABU ยังจะช่วยสร้างประสบการณ์และความประทับใจให้คุณรู้สึกเหมือนมีคนในพื้นที่เป็นไกด์พาเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการคำนวณและแสดงหน่วย Carbon Offset จากการเดินในแต่ละเส้นทาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
วันที่ 1 : สกลนคร เมืองผ้าครามที่ไม่ได้มีแค่เรื่องมู
วันแรกเราลงเครื่องที่สกลนครปุ๊บก็พร้อมลุยเลยค่ะ ได้เริ่มต้นทริปด้วยการเดินทัวร์เมืองเก่า ซึ่งบอกตามตรงว่าแดดสกลนครช่วงกลางวันนี่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ แต่โชคดีที่แต่ละจุดมีอะไรให้ดูไม่ขาดตอน ทั้ง บ้านเสงี่ยม-มณี ที่เก่าแก่แต่ยังสวยงามน่าทึ่ง และแน่นอนว่าต้องแวะไหว้ พระธาตุเชิงชุม เพื่อเป็นสิริมงคล
ระหว่างที่เดินๆ กันอยู่ สายตาก็ไปสะดุดกับ ร้านคุณยายทองคำ ที่ไม่ได้มีแค่ข้าวเกรียบปากหม้อ แต่กุนเชียงของเขาก็เด็ดไม่แพ้กันค่ะ บอกเลยว่าใหญ่จริงจัง อร่อยจริงไม่จกตา! ใครได้ไปก็อย่าลืมอุดหนุนนะคะ
***ไฮไลต์ที่ฉันประทับใจที่สุดคือการได้ไป เฮือนนางคราม ค่ะ เราได้ลองลงมือทำ เวิร์กช็อปมัดย้อมผ้าคราม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นผ้าลายเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร มันเป็นงานคราฟต์ที่แท้จริงและมีคุณค่าทางใจมากๆ เลยค่ะ
แต่ถึงแม้จะสนุกแค่ไหน ก็ขอฝากให้ทางผู้จัดนำไปพิจารณาเลยนะคะว่าการเดินทัวร์ตอนกลางวันแดดเปรี้ยงขนาดนี้มันทำให้เหนื่อยกว่าที่คิดมากจริงๆ ค่ะ ถ้าเราสามารถปรับกำหนดการให้เดินในช่วงเช้าหรือเย็นแทนได้ล่ะก็ ประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวจะดีขึ้นเป็นเท่าตัวเลยค่ะ
วันที่ 2: ท่าแร่ ดินแดนแห่งดาวและความลับ
วันที่สองเดินทางสู่ ชุมชนท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในไทยค่ะ ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวและสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส จนเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง “ท่าแร่” ด้วยนะคะ ได้เดินชม อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ที่ยิ่งใหญ่และบ้านเก่าแก่ต่างๆ ที่ยังคงความขลังไว้เต็มเปี่ยม
ระหว่างทางเราได้แวะพักเติมพลังที่ UDD Café ร้านกาแฟที่น่ารักมากๆ ค่ะ ไอศกรีมที่นี่ทำเป็นรูปตึกของร้านด้วยนะคะ! ฉันเลือกไอศกรีมรสมะม่วงสีเหลืองที่เข้ากับตัวตึกพอดีเป๊ะ ทั้งอร่อยและถ่ายรูปออกมาได้เก๋สุดๆ เลยค่ะ
ก่อนจะไปต่อที่นครพนม เราได้ไปสักการะ พญาศรีสัตตนาคราช และนั่งเรือชมวิวแม่น้ำโขงช่วงเย็นๆ เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบก่อนจะเจอกับความสนุกสุดท้ายของทริปค่ะ
วันที่ 3: นครพนม เมืองแห่งศรัทธาและความผ่อนคลาย
มาถึงนครพนมแล้วก็ต้องมาไหว้ องค์พระธาตุพนม ค่ะ องค์พระธาตุที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้มีเรื่องราวที่น่าทึ่งมากๆ นะคะ ทั้งการล้มลงเมื่อปี 2518 และการร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะจนกลับมาสวยงามดังเดิม เป็นการสะท้อนถึงพลังแห่งศรัทธาที่ไม่เคยจางหายไปเลยค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่รวบรวมของเก่าโบราณไว้มากมาย และอีกหนึ่งไฮไลต์สุดพิเศษคือ การนั่งรถสกายแล็บ ยานพาหนะสามล้อเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด เพื่อเดินทางไปชม สตรีทอาร์ต และแวะชมการสาธิต รวมถึงได้ลอง กวนกาละแมร์ทูลใจ ด้วยตัวเอง บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ต้องใช้พลังแขนมหาศาลกว่าจะได้กาละแมร์ที่เหนียวหนึบขนาดนี้ งานนี้ก็เลยได้ของดีของฝากติดไม้ติดมือกลับมาด้วยค่ะ
ปิดท้ายทริปที่ บ้านนาถ่อน ชุมชนไทกวนที่มีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย ทั้งการ นวดสปา ให้คลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง และการ ทดลองตีเหล็ก เพื่อทำมีดด้วยตัวเอง บอกเลยว่าเป็นการปลดปล่อยพลังงานที่ดีมากๆ เป็นการปิดท้ายทริปได้อย่างลงตัวทั้งกายและใจจริงๆ ค่ะ
ข้อคิดและข้อเสนอแนะฉบับคนทำงาน
ในฐานะตัวแทนจาก จส.100 ที่อยู่กับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน ฉันมองว่าทริปนี้เป็นต้นแบบที่ดีเยี่ยมของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนค่ะ แต่ก็มีจุดที่สามารถพัฒนาต่อยอดให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน
*เรื่องเวลา : การจัดทริปเดินเท้าแบบนี้ควรเลือกเดือนที่ไม่ร้อนจัด หรือปรับตารางการเดินให้อยู่ในช่วง เช้าตรู่หรือเย็น ที่อากาศเป็นใจมากกว่านี้ค่ะ
*เรื่องเทคโนโลยี : สิ่งที่สำคัญคือ แอปพลิเคชัน Wabu ที่ยังไม่มีระบบนำทางด้วย GPS ซึ่งทำให้การเดินเที่ยวด้วยตัวเองค่อนข้างอันตรายและอาจจะหลงทางได้ง่ายค่ะ
ถ้าหากเราสามารถนำจุดแข็งของ จส.100 ที่มีระบบนำทางและปุ่ม SOS ฉุกเฉิน ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลามาเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Wabu ได้ล่ะก็ เส้นทางท่องเที่ยวเหล่านี้จะไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังปลอดภัยและอุ่นใจสำหรับนักเดินทางทุกคนด้วยค่ะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 กันยายน 2568
วันนี้, 15:44น.
...
Watt-D แจ้งเตือน มิจฉาชีพหลอกให้กรอกข้อมูลรับคืนเงินประกันไฟฟ้า
วันนี้, 15:27น.
...
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา 'พายุหนองฟ้า และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย' ฉบับที่ 7
30 สิงหาคม 2568, 23:15น.
...
ข่าวทั้งหมด
X