องคมนตรีลงพื้นที่ชัยนาท- อยุธยา ติดตามสถานการณ์น้ำ ตรวจความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัย

วันนี้, 15:46น.


      วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ เดินทางไปยังห้องประชุมพระครูวิมลคุณากร อาคารศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท

      โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะ รับฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ จากการคาดการณ์โดยกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,500 – 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขามีปริมาณประมาณ 150 - 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ที่บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน





      จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังบริเวณประตูเรือ เพื่อติดตามการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา สืบเนื่องจากสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศให้ศึกษาการควบคุมภาวะน้ำท่วมน้ำหลากในพื้นที่ราบลุ่มตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา และจัดการชลประทานสำหรับพื้นที่ทำการเกษตร ในปี 2445 คณะสำรวจของนาย เย โฮมัน วันเดอร์ไฮเด ผู้เชี่ยวชาญการชลประทานชาวฮอลันดา อธิบดีกรมคลอง ได้เสนอให้มีการวางระบบแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ให้มีปริมาณกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี เรียกว่า “โครงการเจ้าพระยาใหญ่” โดยให้สร้างเขื่อนขวางลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นที่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท แต่ในขณะนั้นประเทศไทยอยู่ในช่วงเร่งปรับปรุงประเทศในหลายด้าน ไม่มีงบประมาณพอที่จะทำโครงการใหญ่ขนาดนี้ได้ จึงค่อย ๆ ทำทีละเล็กละน้อย จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีการนำโครงการเจ้าพระยาใหญ่ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง และเสนอโครงการต่อธนาคารโลกในปี 2492 ขอกู้เงินจำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับในปี 2491 ได้เกิดการขาดแคลนอาหารไปทั่วโลก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จึงสนับสนุนโครงการเจ้าพระยาใหญ่ ธนาคารโลกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความคุ้มค่าในการทำโครงการแล้วจึงอนุมัติ และเริ่มก่อสร้างในปี 2495 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500





      ในช่วงบ่ายคณะ เดินทางไปยังโครงการคลองระบายน้ำบางบาล - บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการดำเนินงานโครงการคลองระบายน้ำบางบาล – บางไทร และเยี่ยมชมบริเวณพื้นที่โดยรอบ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กรมชลประทานดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านบริเวณตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา มีลักษณะแคบ เป็นคอขวด ทำให้ระบายน้ำได้เพียง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกทั้งบริเวณเกาะเมืองอยุธยายังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อปริมาณน้ำไหลมารวมกันบริเวณจุดบรรจบ ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งอยู่เป็นประจำ กระทบต่อพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา จึงประสบปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น





X