องคมนตรี ติดตามผลสัมฤทธิ์โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 9 พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

วันนี้, 10:20น.


     วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก รับฟังสรุปผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการบริหารจัดการน้ำจากโครงการฯ โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมกับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ราษฎร และพบปะเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ    



     จากนั้น องคมนตรีและคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ และปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียน  จำนวนกว่า 100,000 ตัว เพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูงให้แก่ราษฎรในพื้นที่  

     สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2525 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่างที่ประสบปัญหาอุทกภัย รวมทั้งเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกทั่วไปในฤดูฝนและหน้าแล้ง ตลอดจนสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ โดยสำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้ร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริในการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดและแล้วเสร็จในปี 2527 ลักษณะเป็นเขื่อนดิน ความสูง 9.3 เมตร สันเขื่อนกว้าง 4 เมตร ยาว 279 เมตร พร้อมอาคารระบายน้ำล้นและท่อระบายน้ำ มีความจุเก็บกัก 355,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อมาอีกในปี 2559 กรมชลประทานได้ดำเนินการปรับปรุงระบบส่งน้ำความยาว 2,400 เมตร เพื่อส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรได้อย่างทั่วถึงรวมทั้ง เป็นแหล่งน้ำเสริมเพื่อทำการเกษตรในพื้นที่โครงการ 1,000 ไร่ สำหรับเพาะปลูกข้าวในฤดูฝน 800 ไร่ และหน้าแล้ง 200 ไร่ ให้แก่ราษฎรจำนวน 180 ครัวเรือน พืชที่ปลูกได้แก่ ข้าวพันธุ์ กข79 กข85 และข้าวพันธุ์พิษณุโลกต่าง ๆ ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหินลาด(อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ร่วมกันบริหารจัดสรรน้ำให้แก่สมาชิกอย่างทั่วถึง



      ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก รับฟังสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ และการบริหารจัดการน้ำจากโครงการฯ พร้อมกับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ราษฎร จากนั้นพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ และปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียน จำนวนกว่า 100,000 ตัว ลงในอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ฯ 

 

      สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ 2528 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริความว่า “เนื่องด้วยราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งตั้งหมู่บ้านอยู่ในบริเวณที่สูง ประมาณพิกัด 47Q QU 104-596 แผ่นระวาง 5142-1 ในเขตอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานโครงการอ่างเก็บน้ำสำหรับใช้เพาะปลูกในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เนื่องจากขาดแคลนน้ำมาก จึงควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยเชินใหญ่ อ่างเก็บน้ำห้วยป่าสอด อ่างเก็บน้ำห้วยอ้อล้อเป็นต้น อนึ่งสำหรับบริเวณพื้นที่บ้านเข็กน้อย ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไทยภูเขากลุ่มนี้มาก่อนนั้น ควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างโครงการจัดหาน้ำในบริเวณดังกล่าวต่อไปตามความเหมาะสม เพราะอาจต้องพิจารณาจัดตั้งเป็นหมู่บ้านและแหล่งทำกินของชาวไทยภูเขาดังกล่าว ถ้าหากมีความเหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” โดยสำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้ร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริในการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้และแล้วเสร็จในปี 2531 ลักษณะเป็นทำนบดินความยาว 116.5 เมตร สันเขื่อนกว้าง 4 เมตร ความสูง 13 เมตร ความจุ 670,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 1,000 ไร่ รวมถึงส่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎร จำนวน 340 ครัวเรือน รวม 1,500 คน ในพื้นที่ชุมชนโดยรอบโครงการฯ ได้แก่ พื้นที่หมู่ 6 บ้านห้วยทรายเหนือ ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่ในเขตบ้านเข็กน้อยบางส่วน ในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยพืชที่ปลูกได้แก่ พริก ขิง ข้าวโพด ถั่ว มะเขือ ข้าวไร่ ทุเรียน ฟัก และกล้วย นอกจากนี้ ในปี 2561 กรมชลประทานได้ดำเนินการปรับปรุงระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ฯ ทำให้สามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรด้านท้ายจำนวน 300 ไร่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนและหน้าแล้งให้แก่ราษฎรในพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ.



ข่าวที่เกี่ยวข้อง

X