AI VS GENERATIVE AI แตกต่างกันอย่างไร...แล้ว AI จะเข้ามาแย่งงานคนจริงหรือไม่?

      เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความก้าวหน้าขึ้นมาก จากผลกระทบต่างๆในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ระบบการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนไปต่างจากเค้าเดิมในอดีต มีการทำงานแบบ Hybrid Working เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนที่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน พอมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยจึงทำให้งานสามารถทำจากที่ไหนก็ได้ AI จึงเริ่มมีบทบาทเกี่ยวกับการทำงานมากขึ้น รวมถึงเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหารเวลาการใช้ชีวิตของเราให้สะดวกยิ่งขึ้น

      Artificial Intelligence หรือ AI ภาษาไทยเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ AI คือระบบประมวลผลที่มีการวิเคราะห์เชิงลึกลึกคล้ายความฉลาดของมนุษย์ การเรียนรู้ของ AI ไม่ต่างจากการเรียนรู้ของมนุษย์ เพราะใช้การจำและคิดตาม สิ่งที่ใช้เทรนหรือฝึก AI ก็คือข้อมูล คล้ายการสอนเด็กให้เรียกพ่อเรียกแม่ ต้องใช้เวลาเทรนด์ ฝึกให้ AI ได้ทำซ้ำๆจนเกิดความเคยชิน

      Generative AI (Gen-AI) เป็น AI แขนงหนึ่ง ที่มีความสามารถในการสร้างสิ่งต่างๆในรูปแบบใหม่ๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ เสียง ข้อความ โมเดลสามมิติและอื่นๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดตัวอย่างเช่น ChatGPT , Google Workspace ตอนนี้หลายธุรกิจเริ่มมีการนำ Gen-AI เข้ามาใช้งานเป็นตัวช่วยผลักดันธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด

AI vs Gen-AI ต่างกันอย่างไร?

      AI ดั้งเดิม เน้นทำงานเฉพาะจุด ระบบจะออกแบบมาเพื่อตอบสนองชุดข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงซึ่งจะทำให้ AI เหล่านี้จะมีความสามารถในการเรียนรู้จากข้อมูลที่เราใส่ไปให้ แล้วตัดสินใจหรือคาดเดาเหตุการณ์ตามชุดข้อมูลนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น AI หมากรุก Siri หรือ Alexa AI สำหรับแนะนำบน Netflix Shopee TikTok

      ส่วน Generative AI จะถูกนับเป็น Next Generation ของ AI ดั้งเดิม ความพิเศษคือสามารถสร้างหรือคิดค้นสิ่งใหม่ขึ้นจากข้อมูลที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น ช่วยเขียนบทความ ช่วยสร้างรูปภาพ ช่วยแต่งเพลงทั้งทำนองและเนื้อร้อง ฯลฯ

      สรุปคือ ทั้งสองแบบมีความแตกต่างที่ความสามารถและการใช้งาน AI ดั้งเดิมเก่งในการจดจำรูปแบบและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว จะใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์เป็นหลัก ส่วน Gen-AI เก่งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นจากข้อมูลที่มีอยู่แล้วและข้อมูลที่ผู้ใช้มอบให้เอง

ทุกการเปลี่ยนแปลงมีความเสี่ยงหากเราพึ่งพา AI มากไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

1. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย AI ที่ถูกแฮ็กสามารถนำไปสู่ความเสียหายทั้งเชิงวัสดุและข้อมูลได้

2. การขาดความเป็นมนุษย์ พึ่งพา AI ในการติดต่อสื่อสารหรือบริการต่างๆอาจทำให้ขาดสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้

3. ต้นทุนการพัฒนา การพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพสูงต้องการทรัพยากรและเงินทุนในปริมาณมาก

4. ข้อผิดพลาดที่คาดไม่ถึง ถึงแม้การใช้ AI สามารถลดความผิดพลาดได้ แต่บางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นยากและคาดไม่ถึง

5. การเข้ามาของ AI เริ่มทำให้ผู้ทำงานเริ่มสูญเสียโอกาสทางอาชีพมากยิ่งขึ้น

          แม้ว่า AI จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น จนอาจทำให้ในอนาคตเราอาจจะเสียความสามารถในบางส่วนที่มนุษย์สามารถทำได้มากกว่า AI หลายคนเริ่มกังวลว่า AI จะเข้ามามบทบาทเพิ่มขึ้นจน ด้วยความต้องการของตลาดอย่างเช่น สินค้าและบริการ คนเริ่มใช้ AI เป็นเครื่องทุ่นแรงและสามารถสร้างรายได้มากขึ้นกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแรงงานคน ทำให้คนอย่างเราๆเสียโอกาสในการทำงานไป แต่หากลองคิดในมุมกลับกันในเมื่อคนสามารถสร้าง AI ได้ คนก็สามารถสร้างตัวตนของตัวเองได้โดยไม่ไหลไปตามกระแสของ AI เช่นกัน