
ต่อมา เดินทางไปยังโครงการพัฒนาบ้านกอก-บ้านจูน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวมอบให้แก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 40 ตัว ถุงพระราชทานมอบให้แก่ราษฎรรอบพื้นที่โครงการฯ และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวนรวม 158 ถุง ประกอบด้วย ราษฎรในพื้นที่ จำนวน 121 ถุง และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 37 ถุง จากนั้นคณะฯ ได้ร่วมประชุมติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกอก-บ้านจูนฯ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านกอก-บ้านจูน (โครงการพัฒนาบ้านกอก-บ้านจูนฯ ให้การสนับสนุนการดำเนินงาน) ซึ่งมีฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย ฐานการเพาะเลี้ยงเห็ดนางฟ้า ฐานการเลี้ยงหมู ฐานการเลี้ยงกบ ฐานการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ และฐานบ่อปลา สร้างความปลื้มปีติให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยทุกข์สุขของพสกนิกรทั่วทุกพื้นที่เสมอมา.jpg)
โครงการพัฒนาบ้านกอก-บ้านจูน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน เกิดขึ้นจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านจูนใต้ ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ทอดพระเนตรสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรที่มีความด้อยโอกาส ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม จึงได้มีพระราชดำริให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการช่วยเหลือพัฒนาราษฎรบ้านกอก หมู่ที่ 11 ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ประกอบด้วย บ้านจูนใต้ บ้านจูนเหนือ บ้านกอกหลวงและบ้านกอกน้อย โดยเริ่มกระบวนการพัฒนาที่มีรากฐานจากความต้องการของราษฎรอย่างแท้จริงจากภายในหมู่บ้านออกสู่สังคมภายนอกในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ตามกรอบแนวความคิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง โดยมุ่งเน้นพัฒนาให้ราษฎรชาวไทยภูเขามีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู พัฒนาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่มีคุณภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์ พัฒนาการขยายผลผลิตทางการเกษตร ทำให้ราษฎรซึมซับความรู้และเกิดทักษะในการประกอบอาชีพทางการเกษตร เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองได้อย่างถูกต้อง ช่วยลดปัญหาการบุกรุกทำลายป่า และในขณะเดียวกันราษฎรยังช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและมีส่วนร่วมในการปกปักษ์รักษาผืนป่า ส่งผลให้ราษฎรมีงานทำและมีรายได้ แก้ไขปัญหาการว่างงาน กระจายรายได้ไปสู่ราษฎรในชนบท นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการฝึกอบรมเกษตรแบบครบวงจร เพื่อให้ราษฎรเรียนรู้การใช้ที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดผลผลิตที่เพียงพอต่อการเลี้ยงตนเองได้ และจัดระเบียบเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในหมู่บ้านโดยเฉพาะการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นการสนับสนุนป้องกันประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
