ความน่ากลัวของ ซีเซียม-137 ส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร?

20 มีนาคม 2566, 16:19น.


      จากเหตุการณ์ที่ ซีเซียม-137 แร่ธาตุกัมมันตรังสีได้หายออกไปจากโรงไฟฟ้าในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นระยะเวลานานถึง 9 วัน ถูกพบเจอในโรงงานหลอมโลหะ ในอำเภอ กบินทร์บุรี เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 คาดว่าอาจถูกหลอมเป็นฝุ่นแดงและถูกนำส่งโรงงานรีไซเคิล อาจมีการรั่วไหลและส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ สร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 20 มีนาคม 2566 สำนักงานปรมาณูฯ ยืนยันว่า 'ฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม-137' ในโรงหลอมเหล็กในกบินทร์บุรี ไม่มีรั่วไหลออกไปภายนอก โรงงานเป็นระบบปิด ฝุ่นแดงยังคงปนเปื้อนอยู่ภายในโรงหลอมเหล็กยังไม่ฟุ้งกระจาย จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบและโรงหลอมในรัศมี 5 กิโลเมตร เก็บตัวอย่าง ดิน น้ำ อากาศมาตรวจสอบแล้ว ไม่พบสารปนเปื้อนใดๆกระจายออกไป

      นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทางสาธารณสุขจังหวัด ได้จัดตั้ง ‘ศูนย์ปฏิบัติการ EOC จังหวัดปราจีนบุรี’ เพื่อติดตามประเด็นสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง พนักงานในโรงงานหลอม เหล็กประมาณ 70 คน ซึ่งจะมีการตรวจสุขภาพ ตรวจปัสสาวะหาสารซีเซียม ส่วนกลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในระแวกใกล้เคียง หากพบความผิดปกติเกิดอาการผิดปกติทางผิวหนัง-ดวงตา มีไข้ หนาวสั่น เกิดแผลและมีเลือดออกบริเวณที่โดนสาร ให้รีบเข้ามาพบแพทย์ทันที

ซีเซียม-137คืออะไร?

      ซีเซียม-137 (Cs-137) เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุซีเซียม ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่เกิดจากผลผลิตฟิชชัน ที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ (Nuclear Fission) มีลักษณะโลหะอ่อนมาก มีสีเงิน-ทอง ซีเซียม-137 มีครึ่งชีวิต 30.17 ปี ประมาณ 95% จะสลายตัวโดยการปลดปล่อยอนุภาครังสีบีตาแล้วกลายเป็นแบเรียม-137m (Barium-137m) สามารถนำไปใช้ในโรงงานและใช้เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ในการรักษาโรงมะเร็ง

ประโยชน์ของซีเซียม-137

- ใช้ประโยชน์ในการฉายรังสีอาหาร (food irradiation)

- ใช้ในด้านรังสีรักษา (radiotherapy) สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

- ใช้ในเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม เช่น เครื่องวัดความหนาของวัสดุ เครื่องวัดการไหลของของเหลว

- ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมาในการวัดความหนาแน่นของเครื่องมือเจาะสำรวจน้ำมัน

ความอันตรายของซีเซียม-137 ต่อร่างกายมนุษย์

      ความน่ากลัวของสารกัมมันตรังสีนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของรังสีและชนิดของรังสีที่ได้รับ ว่าได้รับมามากน้อยเพียงใด หากซีเซียม-137มีการรั่วไหลกระจายออกมาในน้ำและดิน จะส่งผลกระทบต่อการเกษตร อาหารในกลุ่มผัก-ผลไม้ อาหารทะเลและอาหารที่แปรรูปจากวัตถุดิบทางการเกษตร อาจมีโอกาสปนเปื้อนสูง ถ้าได้บริโภคอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไปแล้ว ซีเซียม-137 จะเข้าไปกระจายทั่วร่างกาย สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ ตับ และไขกระดูก โดยที่บางส่วนสามารถขับออกจากเหงื่อและปัสสาวะได้

      กรณีที่ได้รับสารปนเปื้อนเป็นจำนวนมากหรือเป็นเวลานาน ในกลุ่มของผู้ที่ทำงานโรงงานที่ต้องเจอกับสารนี้อยู่เป็นประจำหรือผู้อยู่อาศัยในบริเวณที่มีสารปนเปื้อน อาจก่อให้เกิดความผิดปกติทางร่ายกายในระดับโครโมโซมที่นำไปสู่การเกิด โรคมะเร็งได้ อีกหนึ่งกรณีที่เป็นอันตรายมาก คือ ได้สัมผัสตัวสารโดยตรง จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานลดลง ผมร่วง เนื้อเยื่อที่สัมผัสเกิดการเน่าเปื่อย ผิวหนังไหม้ อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียอวัยวะส่วนนั้นไป



อาการที่พบโดยส่วนใหญ่หากได้รับสาร

- มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน

- เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว

- เกิดแผลพุพอง ผิวหนังไหม้ บริเวณที่โดนสาร

- กรณีสัมผัสปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท เลือด กดไขกระดูก อาจเกิดอาการชักเกร็งและเสียชีวิตได้

การป้องกันและการปฏิบัติหลังการสัมผัสสาร

- พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสีหรือกล่องเหล็กต้องสงสัย

- ลดการปนเปื้อนโดยการล้างตาให้น้ำไหลจากหัวตาไปหางตาด้วยน้ำสะอาด อาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อทันที

- รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ที่คาดว่ามีการปนเปื้อน เก็บใส่ถุงปิดให้มิดชิดนำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

- ถ้าอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุให้ไปลงทะเบียนผู้สัมผัสสารกัมมันตรังสียังหน่วยงานที่กำหนด เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพและควบคุมการแพร่กระจาย

- ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด



ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข



X