ช้อปดีมีคืน 2566 ใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง?

06 มกราคม 2566, 14:35น.


      มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการลดหย่อยภาษีที่รัฐบาลออกมากระตุ้นเศรษฐกิจที่มีเกือบทุกปี ซึ่งในปี 2566 นี้สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการ รวมถึงการเติมน้ำมัน ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 1 ม.ค - 15 ก.พ. 66 มาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ซึ่งการลดหย่อนภาษี 2566 นี้สามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงต้นปี 2567 เท่านั้น ไม่ใช่ซื้อของแล้วจะใช้ยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2566 ได้ทันที

      มาตรการช้อปดีมีคืน ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน ถ้าต้องการใช้สิทธิก็สามารถซื้อสินค้าและบริการตามเงื่อนไขที่กำหนด และขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากร้านค้า เพื่อใช้ประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2566

เงื่อนไขในการใช้สิทธิ์

- ต้องซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบให้ได้เท่านั้น ยกเว้นการซื้อสินค้าโอทอป (OTOP) และหนังสือหรือ E-book ที่ใช้ใบเสร็จรับเงินได้ โดยระบุชื่อ-นามสกุลให้ชัดเจน

- สินค้าและบริการที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ต้องเป็นสินค้าและบริการที่เสียภาษี VAT หากเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี VAT จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

- ต้องซื้อสินค้าหรือรับบริการ และจ่ายค่าสินค้าหรือค่าบริการนั้น ในระหว่างวันที่ 1 ม.ค - 15 ก.พ. 66

- หากจ่ายค่าสินค้าในปี 2565 แต่ไปใช้บริการในวันที่ 1 ม.ค - 15 ก.พ. จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้ เพราะถือว่าไม่ได้ใช้จ่ายในช่วงเวลาที่กำหนด

      ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถใช้สิทธิ์ได้ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถใช้สิทธิ์มาตรการนี้ได้ และคนที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ เนื่องจากไม่ได้เข้าข่ายที่ต้องจ่ายภาษี

ในปีนี้สามารถใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 40,000 บาท (รวม VAT) โดยแบ่งสิทธิ์ลดหย่อนได้ดังนี้



1. ซื้อสินค้า-บริการ จำนวนไม่เกิน 30,000 บาทแรก โดยออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษ หรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร

2. ซื้อสินค้า-บริการ อีกจำนวนไม่เกิน 10,000 บาท ใช้ได้เฉพาะใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)ของกรมสรรพากร

3. หากใช้จ่ายเกินจะนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามวงเงินสูงสุดเท่านั้น

สินค้าและบริการที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้

1. สินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่มีหน้าร้านหรือรับบริการในประเทศไทย เป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าออนไลน์ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้

2.หนังสือ ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์หรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ทุกประเภท (ยกเว้นหนังสือประเภทนิตยสารและหนังสือพิมพ์)

3.สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว มีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ สามารถตรวจสอบร้านค้าได้ที่ otoptoday

สินค้าและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้

- สุรา เบียร์ และไวน์

- บุหรี่ ยาสูบ

- รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ

- หนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

- บริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์

- ค่าที่พักในโรงแรม

- ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต

- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เช่น ประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย

- ค่าเบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เพราะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในหมวดประกันได้

- ค่าบริการระยะยาวที่เริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566

- สินค้าหรือบริการที่ไม่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% อยู่แล้ว เช่น ผัก-ผลไม้สดที่ยังไม่ได้แปรรูป เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา นมจืด ทองคำแท่ง ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศัลยกรรม

      สำหรับช้อปดีมีคืนของปีนี้ สามารถใช้สิทธิเติมน้ำมันได้ โดยสถานีบริการน้ำมันนั้นจะต้องสามารถออกใบกำกับภาษีได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ของตัวเอง สามารถใช้รถยนต์ใครก็ได้ เพราะในใบกำกับภาษีจะระบุแค่ชื่อผู้เติมน้ำมัน ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน แต่ไม่ต้องระบุเลขทะเบียนรถยนต์ ดังนั้น ใครเป็นผู้จ่ายเงินค่าน้ำมันก็สามารถแจ้งชื่อเพื่อขอออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบได้



 

X