หลายคนอาจจะสงสัยว่าโรคไขมันพอกตับคืออะไร ทำไมเราถึงต้องกลัว โรคไขมันเกาะตับ คือ ภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกที่เซลล์ของตับมากกว่า 5 – 10% ของน้ำหนักตับ สาเหตุของการเกิดโรคไขมันพอกตับ เกิดได้หลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มักพบบ่อยในชาวเอเชียและคนไทยที่มีภาวะอ้วนลงพุงจากพฤติกรรมการกินที่ไม่คำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง รับประทานอาหารมีประโยชน์น้อย ใช้ชีวิตติดอยู่กับที่ไม่ชอบออกกำลังกาย แม้ว่าโรคนี้มักเกิดขึ้นในคนที่มีภาวะอ้วน แต่คนที่ดูเหมือนไม่อ้วน น้ำหนักตัวน้อย ซึ่งมักไม่รู้ว่าตัวเองมีระดับไขมันในเลือดสูง ก็มีสิทธิ์เป็นไขมันพอกตับได้โดยไม่รู้ตัว
โรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1.เกิดจากจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Alcohol-related Fatty Liver Disease) เนื่องจากร่างกายได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ตับของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติจนเกิดการสะสมของไขมันที่ตับ ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับประเภท ปริมาณ และระยะเวลาในการดื่ม
2.ไม่ได้เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Fatty Liver Disease) ซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของร่างกาย ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบการเผาผลาญ จนทำให้เกิด โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงไวรัสตับอักเสบซี
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ
หากคิดว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับการวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับที่โรงพยาบาลได้โดยการตรวจเลือด, ตรวจอัลตราซาวนด์, ตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, การเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจ หรือ การตรวจระดับความแข็งของตับและวัดปริมาณไขมันในตับด้วยเครื่อง FibroScan
วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันพอกตับ สามารถทำได้ง่ายๆ มีดังนี้
สามารถคำนวนหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) เพื่อควบคุมน้ำหนัก ได้ที่
โปรแกรมคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) โรงพยาบาลกรุงเทพ : https://www.bangkokhospital.com/page/bmi
ที่มา : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์