ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ สภาพอากาศเกิดการแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุที่มีภูมิต้านทานน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง ส่วนใหญ่จะมีอาการหวัด มีไข้ ซึ่งเป็นอาการของคนไม่สบายที่เราคุ้นชินกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอาการเหล่านั้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนไข้หวัดทั่วไป นั่นอาจจะเป็นอาการของ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus : RSV)
ไวรัส RSV คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตเสมหะออกมาจำนวนมาก ลักษณะอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา อาการหลักๆคือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ มีเสมหะจำนวนมาก และหายใจเหนื่อยหอบ กรณีที่มีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจเร็ว มีอาการหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋มลงไป และมีอาการไอจนอาเจียนออกมา แสดงว่าอาการเริ่มหนักมากขึ้น ต้องรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วน เพราะมีโอกาสที่ระบบทางเดินหายใจจะล้มเหลว และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ในกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส RSV พบมากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ร้อยละ 52.20 รองลงมากลุ่มอายุ 3-5 ปี ร้อยละ 34.03 และกลุ่มอายุ 6-15 ปี ร้อยละ 9.37 นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 2.10 ที่ติดเชื้อ จะมีอาการรุนแรงกว่าเด็กหลายเท่า
แม้ขณะนี้ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัส RSV ที่มีประสิทธิภาพมาพอที่จะป้องกันเชื้อไวรัสนี้ได้ แต่โดยปกติ อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กโตและผู้ใหญ่จะดีขึ้นหลังได้รับการรักษาเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ การรักษาการติดเชื้อไวรัส RSV จะการรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ แก้ไอละลาย เพื่อประคับประคองให้อาการดีขึ้น
วิธีป้องกันการติดเชื้อ
ที่มา : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย