วิธีสังเกตน้ำท่วม สูงระดับไหน อันตราย ไม่ควรขับลุย

02 สิงหาคม 2565, 16:28น.


      ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากฝนไปหลายจังหวัด โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่พายุฤดูฝนเข้าซัดกระหน่ำ เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมขังเส้นทางการจราจร พื้นที่บางส่วนเกิดความเสียหาย ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องขับรถลุยน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลทำให้เกิดการจราจรติดขัด รถเสียหายเป็นจำนวนมาก



      ระดับความสูงของน้ำสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าจากฟุตบาทตามท้องถนน โดยทั่วไปแล้วฟุตบาทจะสูงจากท้องถนนประมาณ 30 เซนติเมตร หรือถ้าวัดจากส่วนสูงของคนจะอยู่บริเวณข้อเท้าเลยระดับตาตุ่มขึ้นมา ถ้าเกิดเห็นระดับน้ำที่มีความเสี่ยง ควรขับรถเปลี่ยนเส้นทางทันที



วิธีสังเกตระดับน้ำบนท้องถนนมี ดังนี้




  • ระดับน้ำ 5-10 ซม. (ระดับน้ำยังไม่เกินฟุตบาท) รถสามารถขับผ่านได้ งดใช้ความเร็ว เนื่องจากถนนลื่นอาจทำให้สูญเสียการควบคุม


  •  ระดับน้ำ 10-30 ซม. (ระดับน้ำเสมอฟุตบาท มีเลยขึ้นมาเล็กน้อย) รถขนาดใหญ่สามารถขับผ่านไปได้ ส่วนรถขนาดเล็กอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถกระเพื่อมอยู่ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ขับช้าๆ เพราะยังมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถ


  • ระดับน้ำ 40-60 ซม. (ระดับน้ำสูงเกินฟุตบาท สูงเทียบกับครี่งล้อรถเก๋งทั่วไป) หากวัดจากความสูงจะอยู่ระดับหัวเข่าขึ้นไป รถเก๋งหรือรถขนาดเล็กไม่สามารถวิ่งได้ เพราะน้ำสูงเกินประตู รถกระบะควรขับให้ช้าลง ลดการเกิดคลื่นน้ำไปกระทบเข้ารถคันอื่น ปิดแอร์เพื่อป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าเครื่องยนต์ ส่วนรถโดยสารประจำทาง รถทหาร ยังสามารถวิ่งได้อยู่


  • ระดับน้ำ 60-80 ซม.ขึ้นไป (ระดับน้ำสูงเกินล้อรถเทียบฝากระโปรงรถ) รถทุกประเภทไม่สามารถขับผ่านได้ ไม่ควรขับลุยต่อ อันตรายต่อรถทุกประเภท ควรเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องเครื่อง ก่อให้เกิดความเสียหายจนทำให้เครื่องยนต์และรถดับทันที



หมายเหตุ รถอีโคคาร์ต้องระวัง ระดับน้ำ 20-40 ซม.อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ยังสามารถขับลุยน้ำผ่านได้ เพราะโดยส่วนใหญ่รถอีโคคาร์จะถูกออกแบบมาให้มีความสูงจากพื้นเพียง 15-17 ซม.



      หลังจากขับรถลุยน้ำจำเป็นต้องขับรถเพื่อไล่น้ำออก ในเบื้องต้นควรเหยียบเบรคย้ำๆเพื่อไล่น้ำออก และขับขี่ให้ช้าลง กรณีขับลุยน้ำสูง ควรนำรถไปตรวจเช็คเพื่อความปลอดภัยของห้องเครื่องรถยนต์



X