กรมปศุสัตว์รายงาน ลุยตรวจห้องเย็นแล้ว 539 แห่ง พบเนื้อหมูรวม 13.41 ล้านกิโลกรัม

24 มกราคม 2565, 11:23น.


     นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามตรวจสอบปริมาณสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยเป็นการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่พาณิชย์ 


     กรมปศุสัตว์รายงาน ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 23 ม.ค.65 มีการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว 539 แห่ง (สะสมนับตั้งแต่วันที่ 20-23 ม.ค.) พบเนื้อสุกรรวม 13.41 ล้านกิโลกรัม ทางกรมฯ จะเดินหน้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีสินค้าปศุสัตว์ที่เหลือให้ครบ ซึ่งจะมีอีกประมาณห้าร้อยกว่าแห่ง หากตรวจสอบโดยละเอียดพบมีการกักตุน ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และเนื้อสุกรจะถูกสั่งให้จำหน่ายตามราคาที่ทางการกำหนดต่อไป




     รัฐบาลเร่งดำเนินการหลายมาตรการควบคู่ไปกับการป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร เพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาแพง ประกอบด้วยมาตรการหลายระยะ คือ


1. งดส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลาสามเดือน 


2. ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์แก่เกษตรกร 


3. สถาบันการเงินจัดสินเชื่อพิเศษเพื่อให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่ เรื่องเตรียมเข้า ครม. 


4. ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุน 


5. เพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน


6. ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 


7. เร่งศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคระบาด 


8. ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด 


9. ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรค


    จากข้อสั่งการของนายกฯ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันเข้าไปตรวจสต๊อกเนื้อสุกร หากพบการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา จะถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุด กรณีที่ตรวจพบว่ามีการรายงานตัวเลขการครอบครองเนื้อสุกรไม่ตรงกับที่แจ้งพาณิชย์จังหวัด จะเข้าข่ายเป็นการกักตุนหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งนี้ พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำหนดว่า กรณีที่ไม่แจ้งปริมาณสต๊อกถือว่ามีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน กรณีที่แจ้งแล้วต้องตรวจสอบต่อไปว่าแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ หากแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ จะมีความผิดอีกเช่นกัน หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกักตุน ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธการจำหน่าย ทั้งที่มีสินค้าและมีผู้ขอซื้อสินค้าเข้ามาแต่ไม่จำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 


     หากประชาชนพบการกระทำความผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิด ให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888


ข้อมูลจาก : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
X