วันนี้ (13 มกราคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวเนื่องจากฝุ่น PM2.5 สูงสุดในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม ของทุกปี ภาคที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อพิจารณาร่วมกับ ข้อมูลของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) และรายงานการติดตาม ประจำวันที่ 13 มกราคม 2565 พบว่า ผลการตรวจวัด PM2.5 ภาพรวมประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ (ค่ามาตรฐาน คือ ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ยกเว้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดตาก ที่มีแนวโน้มพบค่าฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน สาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มาจากการเผาไหม้ท่อไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ การเผาขยะ เผาหญ้า กระบวนการเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงาน เป็นต้น นอกจากนี้ฝุ่น PM2.5 ยังสามารถรวมตัวกับสารมลพิษอื่นๆ เช่น สารไฮโดรคาร์บอน และโลหะหนักได้ ด้วยขนาดที่เล็กมากจึงสามารถลอดผ่านการกรองของขนจมูกไปยังหลอดลม จนถึงถุงลมปอด และซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จึงขอเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือและงดกิจกรรมในพื้นที่โล่ง
.jpg)
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ภายใต้ 3 มาตรการในการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประกอบด้วย
1) การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่
2) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด
3) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ
โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ลดและป้องกันการเจ็บป่วยด้วยโรคจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
กรณีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) และในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ขอให้ประชาชนตรวจเช็คค่าฝุ่น PM2.5 จากเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ http://air4thai.pcd.go.th/ หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน Air4Thai ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโอกาสในการรับหรือสัมผัสฝุ่น ควรสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น (N95) หรือหน้ากากที่มีแผ่นกรองคาร์บอน เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ ทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือเมื่อไปในพื้นที่ที่มีระดับฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ใจสั่น ระคายเคืองตา หรือหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที