การรถไฟฯ ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจรถไฟ ขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีขโมยลักลอบตัดสายใยแก้วนำแสง รถไฟฟ้าสายสีแดง เผยดำเนินการจับกุมได้แล้วถึง 4 ครั้ง และครั้งล่าสุดจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 คน ผู้ว่าการรถไฟฯ สั่งการเร่งส่งตัวดำเนินคดีเอาผิดทั้งแพ่งและอาญา ขณะเดียวกันจะขยายผลกับร้านค้าที่รับซื้อของดังกล่าว พร้อมยืนยันการลักลอบตัดสายใยแก้วนำแสงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถและการให้บริการประชาชน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้ก่อเหตุลักลอบตัดสายใยแก้วนำแสง รถรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น ในประเด็นดังกล่าว การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้สั่งการให้ประสานความร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจรถไฟเพื่อขยายผลการจับกุมผู้ต้องหา เพราะถือเป็นพฤติกรรมอุกอาจในการทำลายทรัพย์สินของราชการ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนรวม พร้อมทั้งให้เร่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทั้งทางแพ่งและอาญา โดยที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้จำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายผลและการเฝ้าระวังใกล้ชิด และล่าสุดอยู่ระหว่างการขยายผลกับร้านค้าที่ทำการรับซื้อของดังกล่าว
ทั้งนี้ การจับกุมล่าสุดภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ในการร่วมกันขยายผลการจับกุม ทำให้สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 คน โดยได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือรับของโจร ซึ่งได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย




อย่างไรก็ดี ขอย้ำว่าขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัยถึงการใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง เนื่องจากการตัดชุดสายเคเบิลดังกล่าว เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับระบบจ่ายไฟฟ้า สำหรับป้องกันอันตรายการบำรุงรักษาของพนักงานที่ลงไปทำงานในเส้นทางรถไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้ส่งต่อการเดินรถหรือกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในขบวนแต่อย่างใด ที่สำคัญการรถไฟฯ ยังมีการใช้ช่างบำรุงรักษาของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลบำรุงรักษา ระบบงานกว่า 10 ปีเข้ามาช่วยดูแล เพราะเป็นระบบจ่ายไฟเหนือหัวรูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พร้อมยืนยันว่า การรถไฟฯ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยการจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน และสุ่มตรวจในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนมีการเสริมแนวรั้วป้องกันเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง และติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเพื่อเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่