“พิพัฒน์” สั่งเข้มยกระดับความปลอดภัยพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ป้องกันเหตุซ้ำรอยคดีทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวสวิส

17 สิงหาคม 2564, 10:24น.


      “พิพัฒน์” สั่งการเข้มดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พร้อมขยายผลขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง และจังหวัดที่เปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยคดีทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวสวิสในจังหวัดภูเก็ต ลุยเพิ่มจำนวนอาสาสมัครท่องเที่ยวภายในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศคอยสอดส่อง เสริมกำลังพลกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เผยเตรียมนำเรื่องยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หารือกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายก ฯ เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

      นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากเหตุคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวสวิสในจังหวัดภูเก็ตเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เปิดพื้นที่นำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) รับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ตแบบไม่กักตัว โดยหลังจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่มาบัญชาการด้วยตนเองจนสามารถคลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว เรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้กลับมาได้อีกครั้ง



      ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดภูเก็ตช่วยดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยแบบนี้ขึ้นอีก พร้อมขยายผลขอความร่วมมือไปยังพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ โครงการ “สมุย พลัส โมเดล” เปิดพื้นที่นำร่องเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเริ่มไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และอีก 2 โครงการที่กำลังจะเริ่มภายในเร็วๆ นี้ ได้แก่ โครงการ “กระบี่ อีเวน มอร์ อะเมซิ่ง” เปิดพื้นที่นำร่องเกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล ในจังหวัดกระบี่ และโครงการ “พังงา พร้อมต์” เปิดพื้นที่นำร่องเขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเชื่อมต่อจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ด้วยสูตรท่องเที่ยวข้ามเกาะแบบ 7+7 กล่าวคือ นักท่องเที่ยวต้องท่องเที่ยวและพำนักภายในจังหวัดภูเก็ตครบ 7 คืนแรกก่อน เมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 แล้วผลออกมาเป็นลบ จึงจะสามารถเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เพื่อพำนักช่วง 7 คืนหลังในพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงาได้

      “กระทรวงการท่องเที่ยว ฯ ได้มีข้อสั่งการไปยังตำรวจท่องเที่ยว พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรในจังหวัดที่เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ช่วยกำชับเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติขณะเดินทางเข้ามาในพื้นที่นั้นๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่นำร่องให้สูงขึ้น”

      ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีกำลังพลทั้งประเทศที่ประมาณ 2,000 คนเท่านั้น หากถามว่าดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทั้งประเทศหรือไม่ คำตอบคือมีกำลังไม่เพียงพอ ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงได้แก้ปัญหาด้วยการฝึกอบรมอาสาสมัครท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนอาสาสมัครท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 3,000 คน โดยจะต้องฝึกอบรมเพื่อเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอาสาสมัครท่องเที่ยวที่อยู่ในชุมชนต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกชุมชนและหมู่บ้านทั่วประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากคนในชุมชนย่อมรู้ดีกว่าคนนอกชุมชน เมื่อมีใครที่แปลกปลอมเข้ามาในชุมชน ก็จะมีอาสาสมัครฯคอยจับตาดู สอดส่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึงมากกว่า



      “ประเทศไทยต้องเร่งยกระดับการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวให้เข้มข้นขึ้น ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวสวิสในช่วงที่มีการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แบบนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยด่างพร้อย ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันกอบกู้ความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืน ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้พยายามขออุปกรณ์ เทคโนโลยี และความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมศักยภาพแก่ตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยเตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับจังหวัดต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯกล่าว

X