นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น กลุ่มหญิงตั้งครรภ์จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรง เมื่อติดเชื้อโควิดได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จากการสำรวจของกรมอนามัย ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2563 ถึง 27 พ.ค. 2564 พบว่า มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 288 ราย แม้ว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 70 จะไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย แต่ก็พบหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตจากภาวะปอดอักเสบ ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด แล้ว จำนวน 6 ราย ทารกเสียชีวิตในครรภ์ จำนวน 1 ราย อัตราคลอดก่อนกำหนด ร้อยละ 18 เด็กทารกคลอดออกมาแล้วติดเชื้อจำนวน 17 ราย
ผลการประชุม คกก.อนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 มี นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูกสามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่ต้องพิจารณาจัดลำดับตามความเสี่ยงในรายที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ หอบหืด ปอด ธัยรอยด์ หรือ อ้วน รวมถึงในรายที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูง
“แนะนำให้ได้รับการฉีดวัคซีนหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูกจะต้องได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ ผลข้างเคียงของวัคซีน ความเสี่ยงที่จะติดโรคโควิด-19 และความรุนแรงของโรคก่อนการตัดสินใจ โดยสามารถรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ทั้งภาครัฐและเอกชน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทั้งนี้ หลังการฉีดวัคซีนหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูกยังคงต้องปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHTTA อย่างเคร่งครัด