การดูแลจิตใจเด็กและวัยรุ่น หากเกิดสถานการณ์การติดเชื้อ COVID – 19 ในครอบครัว

20 พฤษภาคม 2564, 15:26น.


            ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID - 19 ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครอบครัวอาจพบผู้ติดเชื้อเกิดการแยกจากกันระหว่างเด็กและผู้ปกครอง ด้วยความห่วงใยจากกรมสุขภาพจิตจึงได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการดูแลจิตใจเด็กและวัยรุ่นหากเกิดสถานการณ์การติด COVID – 19 ในครอบครัว ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นได้

            การดูแลจิตใจเด็กและวัยรุ่น หากติดเชื้อ COVID – 19 ในครอบครัว


            จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID – 19 ที่มากขึ้น โดยมีทั้งผู้ปกครองและเด็กในหลายครอบครัวติดเชื้อ และต้องไปรับการรักษาตัวในสถานพยาบาลหรือถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ต้องเกิดการแยกจากกันระหว่างผู้ปกครองและเด็ก ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลต่อตัวเด็กและวัยรุ่นเป็นอย่างมาก จึงจำที่แต่ละครอบครัวควรเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าหากเกิดสถานการณ์การติดเชื้อเช่นนี้ในครอบครัว

           ซึ่งแนวทางการดูแลจิตใจเด็กและวัยรุ่นที่เหมาะสมในสถานการณ์การติดเชื้อในครอบครัว
นั้น ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กสามารถปฏิบัติตามได้ ดังนี้

            1. บอกเล่าเหตุการณ์ให้เด็กฟังอย่างตรงไปตรงมา เช่น เหตุการณ์ติดเชื้อโควิดของสมาชิกในบ้าน ทำให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ชั่วคราวเพราะอาจติดเชื้อกันได้ โดยมีการแนะนำว่าใครต้องไปอยู่ที่สถานที่ใด ระยะเวลานานประมาณเท่าใด

            2. ให้เด็กสามารถสื่อสารกับผู้ปกครองได้อย่างสม่ำเสมอ โดยระหว่างที่แยกกันให้มีช่องทางที่สามารถติดต่อทางออนไลน์หรือโทรศัพท์ได้เสมอ

            3. พยายามสอบถามถึงความต้องการของเด็ก เพื่อให้เด็กรู้สึกมีคุณค่าและสามารถควบคุมอะไรบางอย่างได้ เช่น ของที่ต้องการนำติดตัวไปด้วย เลือกช่วงเวลาที่จะติดต่อกันเป็นประจำ หรือตารางกิจกรรมประจำวัน

            4. แสดงความเข้าอกเข้าใจถึงอารมณ์และการแสดงออกของเด็ก โดยเด็กจะมีการตอบสนองต่อสถานการณ์วิกฤตหรือการแยกจากแตกต่างกันออกไป ผู้ปกครองควรรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ต่อว่า และไม่ด่วนตัดสิน

            5. ช่วยเหลือเด็กให้รู้จักและจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ เพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจอารมณ์ต่าง ๆ ของตัวเอง เช่น กลัว กังวล เศร้า และให้เด็กลองคิดกิจกรรมที่ช่วยจัดการอารมณ์ได้ด้วยตนเอง

            6. ช่วยให้เด็กสามารถคงกิจวัตรประจำวันคล้ายเดิมได้มากที่สุด เพื่อลดความรู้สึกถึงสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ลดปัญหาด้านสุขภาพจิตที่อาจตามมาจากการถูกบังคับให้ปรับตัวอย่างกระทันหัน

            7. สร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ที่ดูแลเด็กในขณะนั้นเป็นที่พึ่งพิงให้เด็กได้ ทั้งในกรณีที่ตัวเด็กเองต้องไปอยู่ในสถานพยาบาล หรือเด็กต้องอยู่กับผู้ดูแลคนอื่นในขณะที่ผู้ปกครองหลักกำลังรักษาตัวอยู่ เพื่อให้เด็กมีความรู้สึกปลอดภัย สงบ และมั่นคง รวมไปถึงได้เห็นแบบอย่างที่ดีในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤตได้

            ทั้งนี้  หากเด็กในการดูแลมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ควรพาไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้ที่สถานพยาบาลต่างๆ หรือ กรณีในระหว่างแยกกักตัวหรือรักษาในสถานพยาบาลก็สามารถปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ที่รับผิดชอบได้โดยทันที

            นอกจากนั้น ผู้ปกครองเองควรดูแลสุขภาพจิตตนเองอย่างใกล้ชิด จัดการอารมณ์ตนเองอย่างเหมาะสม เป็นแบบอย่างที่ดีในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม ลดการตำหนิหรือโทษตนเองในสถานการณ์การติดเชื้อ COVID – 19 หากใครรู้สึกเครียดหรือไม่สามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตนเองได้ สามารถขอรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



 



ข้อมูล : กรมสุขภาพจิต



 

X