“อาหารเป็นพิษ” มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าไม่เป็นไร เกิดอาการแล้วก็คงหายในเร็ววันทั้งที่จริงอาการที่คุณเป็นอาจจัดอยู่ในชนิดรุนแรงก็เป็นได้ซึ่งหากไม่รับพบแพทย์อาจเป็นอันตรายในที่สุด ด้วยความห่วงใยจาก อ. ดร. พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงจะเป็นผู้ออกมาอธิบายสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายร้ายแรงของอาหารเป็นพิษ พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการ
อันตรายร้ายแรงของอาหารเป็นพิษ
อาหารเป็นพิษ เกิดจากรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาจพบมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนโดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียถ่ายเหลวตามมา โดยเราสามารถสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการ 1-2 ข้อ ให้สงสัยว่าเป็นโรคอาหารเป็นพิษชนิดรุนแรง
1. อาเจียนรุนแรง หรือถ่ายมากผิดปกติ (มากกว่า 8-10 ครั้งต่อวัน)
2. มีไข้
3. ซึม ไม่มีแรง อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น
4. ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเกิน 6 ชั่วโมง
5. หากเป็นเด็กเล็ก อาจมีอาการปากแห้ง ตาโหล ร้องให้แบบไม่มีน้ำตา
อาหารเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ
สำหรับอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษนั้นมีอยู่มาก อยากให้ทุกๆ คนระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ อาหารสดสุกๆ ดิบๆ หรือผ่านความร้อนไม่เพียงพอ, อาหารที่มีรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัด, อาหารหมักดอง อาหารกระป๋องที่พบว่ามีรอยบุบ รอยรั่ว หรือขึ้นสนิม, อาหารที่ผลิตหรือปรุงไม่สะอาดเพียงพอ เช่น ใช้เขียงหั่นเนื้อสัตว์สดกับผักลวกร่วมกัน, อาหารที่มีแมลงวันตอม, อาหารที่ปรุงสุกตั้งแต่เช้าโดยไม่มีการอุ่นร้อน, อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนผสมแล้วปรุงทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง รวมถึงน้ำแข็งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน
วิธีดูแลตนเองเมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษ
- ปกติสามารถหายได้เองภายใน 24 – 48 ชั่วโมง โดยให้รักษาตามอาการ คือ รับประทานเกลือแร่ทดแทนและยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน
- งดรับประทานอาหารประเภทนม ผลไม้ อาหารรสจัด อาหรสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารหมักดอง
- พักผ่อนให้มากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ งดการทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ออกกำลังกาย ทำงานบ้านหนักๆ
- ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุกๆ คนจะเกิดความระมัดระวังในการกินอาหารช่วงหน้าร้อนขึ้นไม่มากก็น้อย เพื่อลดความเสี่ยงอาหารเป็นพิษที่ล้วนสร้างความรำคาญใจ กังวลใจ ใช้ชีวิตไม่เป็นสุข
ข้อมูล : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย