กระทรวงการต่างประเทศ เผยผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 'หากได้รับการฉีด 8 วัคซีนโควิด' เข้ารับการกักตัวอย่างน้อย 7 วัน

12 เมษายน 2564, 08:05น.


     กระทรวงการต่างประเทศ ได้ปรับปรุงระบบลงทะเบียนกลาง สำหรับการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ Certificate of Entry (COE) ทางเว็บไซต์ coethailand.mfa.go.th มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64 สำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้าไทย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการลดวันกักกันตัวตามคำสั่ง ศบค. ครั้งที่ 4/2564 โดยเพิ่มช่องกรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (vaccine certificate) โดยระบบจะแจ้งระยะเวลาการกักตัวของผู้เดินทางเพื่อให้จองสถานที่กักกันตัว ASQ/ALQ ได้ถูกต้อง และจะระบุรายละเอียดการรับการฉีดวัคซีนและระยะเวลาในการกักตัว

     นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตผู้เดินทางเข้าประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด (ปรับปรุงครั้งที่ 1 ประจำเดือนเมษายน 2564) โดยปรับเพิ่มวัคซีน Sinopharm ของบริษัท The Beijing Institute of Biological Products เพิ่มอีก 1 รายการ



     ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีวัคซีน 8 ชนิด ที่ผู้ได้รับวัคซีนเหล่านั้นตามจำนวนโดสที่กำหนด จะสามารถเข้ารับการกักกันตัวอย่างน้อย 7 วัน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย โดยต้องได้รับวัคซีนครบแล้ว อย่างน้อย 14 วัน ก่อนเดินทาง หากไม่ได้รับวัคซีนต้องกักตัว 10 วัน และหากมาจากประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ ต้องกักตัว 14 วัน ทุกกรณี โดยรายชื่อประเทศที่มีเชื้อกลายพันธ์ สามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค

     โดยวัคซีน 8 ชนิดดังกล่าว เป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายไทย หรือ ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่

1. วัคซีน CoronaVac ของบริษัท Sinovac

2. วัคซีน AZD 1222 ของบริษัท AstraZenaca/Oxford

3. วัคซีน AZD 1222 ของบริษัท SK Bioscience (Korea) /AstraZeneca/Oxford

4. วัคซีน Ad26.COV2.S ของบริษัท Johnson & Johnson

5. วัคซีนโทซินาเมแรน (Tozinameran/ ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค)

6. วัคซีน Covishield ของ Serum Institute of India

7. วัคซีน mRNA-1273 ของบริษัท Moderna และวัคซีนที่ได้รับการรับรองล่าสุดคือ

8. วัคซีน Sinopharm ของบริษัท The Beijing Institute of Biological Products
X