ข้อมูลเด็กจมน้ำช่วงสงกรานต์ 3 วัน ใน 10 ปีที่ผ่านมา พบเสียชีวิตมากกว่าช่วงวันปกติถึง 2 เท่า ซึ่งเด็กชวนกันไปเล่นแล้วไม่มีทักษะเอาชีวิตรอดเมื่อตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่รู้วิธีช่วยเหลือคนจมน้ำที่ถูกต้อง ทำให้จมน้ำเสียชีวิต กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงอยากแนะนำวิธีป้องกันเด็กจมน้ำให้กับผู้ปกครอง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในช่วงสงกรานต์
ช่วงสงกรานต์ใน 10 ปีที่ผ่านมากับความเสี่ยงเด็กจมน้ำเสียชีวิต
แม้ว่าในช่วงสงกรานต์ปีนี้ทางรัฐบาลจะขอความร่วมมืองดกิจกรรมรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ งดประแป้ง เพื่อลดการสัมผัสกันใกล้ชิดกัน ลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 ก็ตาม แต่ก็อาจจะมีหลายครอบครัวที่พาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งน้ำต่างๆ เช่น น้ำตก ทะเล อ่างเก็บน้ำ สวนน้ำ หนองน้ำ เป็นต้น หรือเด็กๆ อาจชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำดังกล่าว ซึ่งเด็กอาจพลัดตก ลื่นลงน้ำ หรือเกิดการจมน้ำขณะเล่นน้ำ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้
จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2554-2563) ในเดือนเมษายนมีคนจมน้ำเสียชีวิต 3,372 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตในเดือนเมษายน 889 คน เฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 วัน (13-15 เมษายน) ในช่วง 10 ปีดังกล่าว พบว่าในทุกกลุ่มอายุ จมน้ำเสียชีวิต 470 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 124 คน เฉลี่ยวันละ 4 คน มากกว่าช่วงวันปกติถึง 2 เท่า โดยในวันที่ 14 เมษายน พบว่ามีการเกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด เฉลี่ย 5 คน
เหตุการณ์การจมน้ำที่พบบ่อยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
โดยเหตุการณ์การจมน้ำที่มักพบบ่อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
- ในกลุ่มผู้ใหญ่จะกินเลี้ยงและมักดื่มสุรา หลังจากนั้นจะชวนกันออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ตามคลอง น้ำตก และลงว่ายน้ำ
- ในกลุ่มเด็กจะชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เด็กไม่มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอดเมื่อตกลงไปในน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นและไม่ใช้อุปกรณ์ในการช่วยพยุงตัวในน้ำขณะเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงไม่รู้วิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ถูกต้อง ทำให้จมน้ำเสียชีวิต
5 ข้อแนะนำระวังเด็กจมน้ำ เพื่อให้ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์
1.พ่อแม่ ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กๆ ชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำต่างๆ
2.หากครอบครัวพาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามแหล่งน้ำ ขอให้ดูแลเด็กอย่าให้คลาดสายตา ไม่ให้เด็กยืนใกล้บริเวณขอบบ่อ/สระ เพราะอาจพลัดตกหรือลื่นลงน้ำได้
3.หากลงเล่นน้ำ ให้นำขวดน้ำพลาสติกเปล่าขนาด 1.5 ลิตร หรือแกลลอนพลาสติกเปล่า ปิดฝา ใช้สะพายแล่งติดตัวไปด้วย หากหมดแรงให้นำมากอดแนบหน้าอกและลอยตัวไว้
4.ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือจมน้ำ จะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
5.แหล่งน้ำที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีเสื้อชูชีพ และผู้มารับบริการทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่เดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ แบ่งเขตพื้นที่สำหรับเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำที่ปลอดภัย ต้องมีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำติดตั้งเป็นระยะ และติดป้ายแจ้งเตือน เช่น ห้ามลงเล่นน้ำ น้ำลึก น้ำวน เป็นต้น รวมทั้งป้ายบอกระดับความลึกของน้ำด้วย
นอกจากนี้ แนะนำให้ใช้หลัก “ตะโกน โยน ยื่น” เพื่อช่วยเหลือคนตกน้ำ ได้แก่ ตะโกนเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยและโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 โยนอุปกรณ์ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำ เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลายๆ ชิ้น และยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เสื้อ ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูล : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข