*ปปช.ชี้มูลความผิด บุญทรงและพวก21คนทุจริตจีทูจีฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย*

20 มกราคม 2558, 16:24น.


ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกจำนวน 21 คน ในคดีทุจริตการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ  หลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีวาระให้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ รายงานผลการพิจารณาสำนวนคดีผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ในคดีทุจริตการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี



นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกจำนวนทั้งสิ้น 21 คน โดยทั้งหมดได้ร่วมกระทำความผิดเอื้อประโยชน์ให้บริษัทรับซื้อข้าวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 2 บริษัท ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำการซื้อขาย แต่ไม่มีสิทธิ์เข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น แล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขาย ไปขายต่อให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และให้ส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งสำนวนถึงอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาตาม มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี



สำหรับผู้กระทำความผิดทั้งหมดประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว, นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว, พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ, นายอัครพงษ์ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม และผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ, นอกจากนี้ยังมีเอกชนอีก 15 คน จากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด, บริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทสิราลัย จำกัด นอกจากนั้น ยังส่งสำนวนคดีนี้ ให้กับคณะกรรมการสอบสวนคดีของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ นำไปพิจารณาเพิ่มเติมด้วย



พร้อมกันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเพิ่มเติม คือ  นำกรณีดังกล่าวไปศึกษาเพื่อปรับปรุงการปฏิบัติราชการมิให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก ให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง คิดเป็นเงินกว่า 6 แสนล้านบาท แจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือกมรชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา  กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นผู้ให้ความเห็นชอบบริษัทจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน5บริษัท เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยมิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม จึงเห็นควรให้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ5.ให้สำนักงาน ป.ป.ช. รวบรวมพยานหลักฐานว่าสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการซื้อขายมันสำปะหลังในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐด้วยหรือไม่

ข่าวทั้งหมด

X