นายกรัฐมนตรีฌอง คาสเท็กซ์ แห่งฝรั่งเศส เปิดเผยต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันอังคาร (16 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ว่าฝรั่งเศสเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ของโควิด-19 โดยค่าเฉลี่ยผู้ป่วยรายใหม่รายวันในรอบ 7 วันมีจำนวนมากกว่า 25,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว (2563)
โดยในวันอังคาร หน่วยงานด้านสุขภาพของฝรั่งเศสรายงานผู้ป่วยรายใหม่ 29,975 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในวันอังคารที่แล้ว (9 มี.ค.) และเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ ทำให้มีความตึงเครียดอย่างหนักในระบบโรงพยาบาลของประเทศ
ฝรั่งเศสและหลายประเทศในสหภาพยุโรป มีความคืบหน้าของโครงการวัคซีนโควิด-19 ล่าช้ากว่าสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ซึ่งประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง คาดหวังว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ที่เกิดจากสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น จึงไม่สนับสนุนให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 แต่การระงับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่ามีผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนักโควิด-19 จำนวน 4,239 คนซึ่งเพิ่มขึ้น 20 คนใน 24 ชั่วโมงและเป็นจำนวนที่มากที่สุดในห้วงเวลาเกือบ 4 เดือน
จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 23 คนอยู่ที่ 25,492 คนซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์
จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 408 ราย อยู่ที่ 91,170 ราย ซึ่งมากเป็นอันดับ 7 ของโลก
และจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม คือ 4,110,000 คน อยู่ในอันดับ 6 ของโลก
....