'มูดี้ส์' เตือนปัญหาวัคซีนแอสตราฯ กระทบเศรษฐกิจเอเชีย
นายสตีฟ คอชเรน หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัทมูดี้ส์ อนาลิติกส์ กล่าวว่า ปัญหาของวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา จะทำให้การกระจายวัคซีนในยุโรปล่าช้าออกไป และส่งผลกระทบต่อการค้าในระดับโลก นายคอชเรน กล่าวว่า สิ่งนี้ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเอเชีย เนื่องจากหลายประเทศต้องพึ่งพาการค้า ปัจจัยดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อบทบาทของเอเชียในการผลักดันเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม นายคอชเรน กล่าวว่า ยังโชคดีที่ว่า ขณะนี้การค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรปไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต
น้ำมันโลกลดลง 3 วันติด หลังยักษ์ใหญ่ในยุโรป ระงับฉีดวัคซีนโควิด
การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ติดตามเรื่องที่หลายประเทศในยุโรป ระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา นักลงทุนกังวลว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ล่าช้าในสหภาพยุโรป อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน เห็นได้ชัดเจนว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลก ขยับลง 3 วัน ติดกันในการปิดตลาดเมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 หลังจากเยอรมนี ฝรั่งเศสและประเทศยุโรปอื่นๆ ระงับใช้วัคซีนโควิด-19
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเม.ย.64 ลดลง 59 เซ็นต์ ปิดที่ 64.80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ค.64 ลดลง 49 เซ็นต์ ปิดที่ 68.39 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันที่ 16 มี.ค. 64 แบบผสมผสาน นักลงทุนเฝ้ารอผลการประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้ มีการคาดหมายว่าจะมีการปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเน้นย้ำคำสัญญายังคงใช้นโยบายยืดหยุ่นต่อไปในอนาคต ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความพยายามขับเคลื่อนโครงการฉีดวัคซีน ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
-ดาวโจนส์ ลดลง 127.50 จุด หรือร้อยละ 0.40 ปิดที่ 32,825.95 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 6.23 จุด หรือร้อยละ 0.16 ปิดที่ 3,962.71 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 11.86 จุด หรือร้อยละ 0.09 ปิดที่ 13,471.57 จุด
ราคาทองคำ ปิดตลาดแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
-ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย.64 เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,730.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
'ไบเดน' เตรียมขึ้นภาษีครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 30 ปี หาเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ มีแผนปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายสำหรับโครงการด้านเศรษฐกิจระยะยาว โดยจะพิจารณาปรับขึ้นภาษี
-ปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 28
-ปรับขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ขึ้นไป
หากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีจริง ก็จะนับเป็นการปรับขึ้นภาษีส่วนกลางครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี หลังจากที่เคยมีการปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่เมื่อปี 2536 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
นายกฯ อังกฤษ ยืนยัน จีนและรัสเซียเป็นภัยคุกคาม เล็งเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์
รัฐบาลอังกฤษ เผยแพร่รายงานนโยบายต่างประเทศและกองทัพของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ระบุว่า รัสเซียเป็นความท้าทายทางความมั่นคงระดับสูงสุดของประเทศ และอังกฤษจะผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพิ่ม รวมทั้งจะขยายบทบาทของประเทศในเรื่องเทคโนโลยีขั้นสูงเกี่ยวกับอวกาศและระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว นายจอห์นสัน บอกว่า รัฐบาลอังกฤษจะเพิ่มงบประมาณในด้านต่างๆ
-เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 24,000 ล้านปอนด์ ตลอดช่วง 4 ปีข้างหน้า
-จัดสรรงบประมาณ 15,000 ล้านปอนด์ สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
–จัดสรรเงิน17,000 ล้านปอนด์ สำหรับการต่อสู้กับภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
-จัดสรรเงิน13,000 ล้านปอนด์ เพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19
รายงานดังกล่าว ย้ำจุดยืนว่า การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและกลาโหมระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก ขณะเดียวกันก็จะขยายบทบาทของอังกฤษไปทั่วโลก โดยโน้มเอียงไปทางภูมิภาค อินโด-แปซิฟิก ในช่วงทศวรรษหน้า
รายงานความยาว 116 หน้าฉบับนี้ ยังระบุถึงความท้าทายจากประเทศจีนด้วยว่า การที่จีนเพิ่มอำนาจและการกล้าแสดงออกต่อนานาชาติ ทำให้จีนเป็นภัยมากที่สุดต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอังกฤษ
นายกฯ จอห์นสัน กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาหลังเผยแพร่รายงานนโยบายต่างประเทศฯ วิพากษ์วิจารณ์จีนที่จับกุมชาวอุยกูร์จำนวนมากในเขตปกครองตนเองซินเจียง และตำหนิในสิ่งที่จีนปฏิบัติต่อฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง แต่ก็ยอมรับว่าอังกฤษต้องทำงานร่วมกับจีน เพื่อแก้ปัญหาระดับโลก
รายงานฉบับดังกล่าว ยังวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียอย่างหนักว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดในภูมิภาค และเรียกร้องให้กลุ่มนาโต้ร่วมมือกัน ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์เพื่อการป้องปราม อังกฤษจะเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์เป็น 260 ลูก ขยับขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 180 ลูก
กองทัพเรืออังกฤษ เตรียมเรือดำน้ำที่สามารถติดตั้งขีปนาวุธพลังนิวเคลียร์ไว้ 4 ลำ เพื่อให้แน่ใจว่า มีเรือดำน้ำอย่างน้อย 1 ลำพร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายปฏิบัติการนอกอวกาศ โดยกองทัพจะก่อตั้งกองบัญชาการอวกาศขึ้นมา เพื่อรับประกันว่า กองทัพมีความสามารถเพียงพอ และจะปล่อยดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ขึ้นสู่อวกาศ
ด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รายงานระบุว่า ตอนนี้อังกฤษเป็นมหาอำนาจทางไซเบอร์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก มีกองกำลังไซเบอร์แห่งชาติ ทำหน้าที่ผสมผสานกันระหว่างการเป็นกำลังทางทหารและหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย
คุมโควิด-19! กรุงมะนิลา ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้าน –ใช้เคอร์ฟิว 2 สัปดาห์
ทางการกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ออกคำสั่งให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เก็บตัวอยู่แต่ภายในที่พักอาศัยเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อคุมเข้มการระบาดของโควิด-19 ส่วนคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-65 ปี สามารถออกจากที่พักอาศัยได้
ตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์ มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ หลังจากใช้มาตรการล็อกดาวน์มายาวนานที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ยังคงให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อยู่แต่ภายในบ้าน จนกระทั่งขยายช่วงอายุมาถึง 18 ปี เนื่องจาก พบการระบาดระลอกใหม่ในเดือนนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 5,404 คน
นอกจากการขยายอายุของเยาวชนที่ต้องเก็บตัวในที่พักอาศัยแล้ว จะมีการนำประกาศเคอร์ฟิวในช่วงกลางคืนกลับมาใช้ในกรุงมะนิลาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวมทั้งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง
ฟิลิปปินส์ ยังคงเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในความล่าช้าของการให้วัคซีนต้านโควิด-19 แก่ประชาชน ซึ่งทางการระบุว่า วัคซีนเกือบ 2,400,000 โดส จะทยอยส่งมาถึงช่วงต้นเดือนเม.ย. โดยจะมีวัคซีนของแอสตราเซเนกา 979,200 โดส ที่ได้รับตามโครงการโคแวกซ์ และมีวัคซีนซิโนแวคจากจีนอีก 1,400,000 โดส และได้รับบริจาคเพิ่มจากจีนอีก 400,000 โดส ด้วย กระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ยังไม่มีแผนที่จะระงับการใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา
งดเดินทางข้ามจังหวัด ! กัมพูชา พบติดเชื้อ 105 คน ส่วนใครที่หนีกักตัว จำคุก 10ปี
กัมพูชา พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 105 คน เป็นการระบาดที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักแต่เริ่มแพร่ในวงกว้าง ทางการได้เตือนให้ประชาชนงดเดินทางข้ามภูมิภาคในขณะที่พบผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น
กัมพูชาเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับต่ำของทวีปเอเชีย แต่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 1,430 คนในขณะนี้เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากเดือนก่อนที่พบการระบาดครั้งล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา ระบุในแถลงการณ์ว่า ในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 105 คน กว่าครึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อในเขตหนึ่งของจังหวัดกันดาลทางตอนใต้ของกัมพูชาที่มีพรมแดนติดกับเวียดนาม
กระทรวงสาธารณสุข เตือนให้ประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดหรือเมือง และได้ออกกฎหมายลงโทษจำคุกยาวนาน สำหรับการฝ่าฝืนมาตรการด้านสุขภาพอย่างรุนแรง กฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 มี.ค.64 กำหนดโทษจำคุก 3 ปีกับผู้ที่ละเมิดคำสั่งกักตัว และโทษจำคุก 10 ปีกับผู้ที่หลบหนีออกจากสถานที่รักษาในขณะที่ยังติดเชื้อโควิด-19 หรือมีเจตนาแพร่เชื้อโรคโควิด-19