การผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า รูปแบบความต่างของวัคซีนรูปแบบไวรัล แว็กเตอร์ หรือชนิดไวรัส เป็นพาหะแต่ละตัว จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัล แว็กเตอร์ มีวัคซีนของแอสตราฯ , จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, สปุตนิก วี และคานซิโนไบโอ ซึ่ง 4 ตัวนี้มีผลการทดสอบว่า มีผลในการป้องกันโรค แต่รูปแบบไวรัล แว็กเตอร์ แต่จะมีความต่างกันตรงไวรัสที่เป็นแว็กเตอร์หรือพาหะตัวนำ ซึ่งแอสตราฯ ใช้อะดิโนไวรัสของลิงชิมแพนซี ส่วนวัคซีนจอห์นฯ วัคซีนสปุตนิกวี และวัคซีนคานซิโนไบโอใช้อะดิโนไวรัสที่ก่อโรคในคน
ดังนั้น สิ่งที่ต้องรวบรวมข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ คือ ในประเทศไทยหากคนมีภูมิคุ้มกันดั้งเดิมต่อตัวอะดิโนไวรัส อาจจะทำให้วัคซีนได้ผลไม่ดีนัก จึงจะต้องดูข้อมูลการทดลองในคนระยะที่ 3 ของวัคซีนแต่ละตัวว่า มีการเก็บข้อมูลส่วนนี้ในคนไทยไว้หรือไม่ ซึ่ง อย.ได้ขอข้อมูลดังกล่าวกับบริษัทผู้ผลิตที่ใช้อะดิโนไวรัสของคนในการทำวัคซีนแล้ว เพราะหากจะขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าจะสามารถใช้การได้ในประเทศไทยหรือไม่ โดยหวังว่าผู้ผลิตจะมีข้อมูลนี้ เพราะหากต้องการจะขายวัคซีนทั่วโลก ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ต้องมีอยู่ และต้องเป็นข้อมูลของคนไทยเท่านั้น ไม่ใช่ของคนเอเชีย
ผอ.สถาบันวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังวางแผนทำวิจัยกลุ่มเล็กๆ ในอาสาสมัครคนไทย เพื่อเก็บข้อมูลผลของวัคซีนในประเทศไทยเอง หากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนไม่มีข้อมูลในคนไทย เพื่อเป็นประโยชน์จะได้รู้ว่าวัคซีนรูปแบบไวรัล แว็กเตอร์ ที่ใช้อะดิโนไวรัสของคนเป็นพาหะตัวนำ เช่น จอห์นสันฯ หรือสปุตนิกวี หรือตัวอื่นๆ จะใช้ในประเทศไทยได้กับคนไทยหรือไม่ โดยการนำวัคซีนดังกล่าว มาฉีดในอาสาสมัครคนไทย เพื่อดูว่าวัคซีนจะได้ผลดีหรือไม่ในคนไทยโดยกำลังประสานงานติดต่ออยู่ว่าบริษัทผู้ผลิตสนใจหรือไม่ เพราะต้องใช้วัคซีนของบริษัทผู้ผลิต หากบริษัทผู้ผลิตไม่มีข้อมูลตรงนี้ในคนไทย เราก็เริ่มวิจัยเล็กๆอันนี้เพื่อให้มีข้อมูล
สำหรับการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแอสตราฯ ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นการผลิตในประเทศไทย มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน และอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยผลิตแล้ว 5 รุ่น แบบขั้นบันไดความห่างระหว่างรุ่น 2 สัปดาห์ และใช้เวลาทำแต่ละรุ่น 118 วัน โดยเริ่มรุ่นแรกกลางเดือนธ.ค. 2563 ขณะนี้ รุ่นที่ 1-4 ได้ผลดี คาดว่าประมาณกลางเม.ย.จะสามารถส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งตามมาตรฐานที่ระบุว่าต้องมีคุณภาพต่อเนื่องกัน 3 รุ่น หากผ่านทั้งหมดประมาณกลางพ.ค.จะมีการรับรองรุ่นการผลิต (lot release) ซึ่งบริษัทแอสตราฯ ยืนยันว่า การผลิตเป็นไปตามแผนเชื่อมั่นว่า จะส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยได้ทันตามกำหนดคือเดือนมิ.ย.นี้
ตามแผนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะทำการผลิตและส่งมอบวัคซีนสูตรแอสตราฯ ให้กับประเทศไทย ประมาณเดือนละ 5-10 ล้านโดสจนครบ 61 ล้านโดส แต่กำลังการผลิตของบริษัทสามารถทำได้ 15-18 ล้านโดส ต่อเดือน และอนาคตก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตต่อเดือนได้มากขึ้น