ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564

15 มีนาคม 2564, 06:14น.


โรงงานเสื้อผ้า 2 แห่งของจีนในเมียนมาถูกเผา



          การชุมนุมประท้วงในเมียนมา ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารโค่นล้มนางอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ล่าสุด สถานทูตจีน แถลงเรียกร้องให้เมียนมา ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อหยุดการกระทำที่รุนแรงทั้งหมด ลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายและรับรองความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของบริษัทและบุคลากรของจีนในเมียนมา เนื่องจาก เกิดเหตุโรงงานเสื้อผ้าที่ได้ทุนสนับสนุนจากจีน 2 แห่ง ถูกเผาโดยไม่ทราบฝ่าย



          นางซูจี มีกำหนดขึ้นศาลในวันนี้ ใน 4 ข้อหา ที่รวมถึงการใช้วิทยุวอล์กกี้ทอล์กกี้อย่างผิดกฎหมาย และการละเมิดมาตรการป้องกันโควิด-19 



ตำรวจลอนดอน ไม่อนุญาตให้ชุมนุม ไว้อาลัยให้หญิงวัย 33 ถูกฆาตกรรม



          คดีฆาตกรรม น.ส. ซาราห์ เอฟราร์ด วัย 33 ปี กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่วกรุงลอนดอน ของอังกฤษ น.ส.เอฟราร์ด ถูกลักพาตัวไปขณะเดินทางกลับบ้านในพื้นที่ทางใต้ของกรุงลอนดอน จากนั้นเมื่อวันที่ 10 มี.ค.64 มีคนพบศพเธอ ส่วนผู้ต้องสงสัยถูกจับแล้วเป็นตำรวจเทศบาลกรุงลอนดอน ชื่อว่า เวย์น คูเซนส์   



          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างเดินทางไปที่สวนสาธารณะ ‘แคลปแฮม คอมมอน’ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีคนพบเห็น น.ส.เอฟราร์ด เพื่อแสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตรวมทั้งเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวและแบ่งปันประสบการเลวร้ายทั้งการข่มขู่ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดที่ผู้หญิงต้องเผชิญขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ



          กลุ่ม ‘Reclaim These Streets’ ซึ่งเป็นผู้จัดงานชุมนุม วางแผนจะจัดงานไว้อาลัยขึ้นทั่วประเทศ  โดยมีงานหลักที่ แคลปแฮม คอมมอน แต่ต้องยกเลิกแผนการชุมนุม เพราะตำรวจเทศบาลกรุงลอนดอนไม่อนุญาต โดยอ้างเหตุผลเรื่องมาตรการควบคุมโควิด-19 องค์กรจึงขอให้ประชาชนฉายแสงไฟที่หน้าบ้านของตัวเองแทน เพื่อผู้เสียชีวิตและผู้หญิงทุกคนที่ได้รับผลกระทบหรือต้องเสียชีวิตเพราะความรุนแรง



          ขณะที่ เมื่อช่วงกลางคืน ประชาชนจำนวนหนึ่งออกมารวมตัวกันที่สวนสาธารณะดังกล่าวเพื่อแสดงความอาลัยอย่างสงบโดยเคารพมาตรการเว้นระยะห่าง แต่ไม่ถึงชั่วโมงหลังการรวมตัวเริ่มขึ้น ตำรวจก็เข้ามาแจ้งว่า ละเมิดมาตรการควบคุมโควิด-19 และต้องออกจากพื้นที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เคลื่อนกำลังเข้ามาโอบล้อมผู้ชุมนุม ใช้กำลังพาตัวหญิงกลุ่มหนึ่งลงมาจากเวทียกพื้น และกดผู้ชุมนุมอีกหลายคนลงกับพื้นเพื่อจับกุม ทำให้เกิดเหตุวุ่นวาย คนที่เข้าร่วมชุมนุม ต่างตะโกนด่าตำรวจ



          ล่าสุด สำนักงานตำรวจเทศบาลกรุงลอนดอน ออกแถลงการณ์ว่า การที่ตำรวจเข้าไปควบคุมเหตุเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน 



เมืองมินนีอาโปลิส จ่ายเงินชดเชยครอบครัว ‘จอร์จ ฟลอยด์’ 829 ล้านบาท



          ทางการเมืองมินนีอาโปลิส เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมินนิโซตา ในสหรัฐฯ เห็นชอบในข้อตกลงเพื่อจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับครอบครัวของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีที่ถูกนายเดเร็ค ชอวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดไปที่ท้ายทอยขณะควบคุมตัวจนขาดอากาศเสียชีวิต เป็นเงิน 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 829 ล้านบาท นับเป็นการตกลงจ่ายค่าเสียหายก่อนการไต่สวนเป็นจำนวนเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อเดือน พ.ค. 63 ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงเรียกร้องสิทธิคนผิวสีครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในสหรัฐฯ



          ขณะที่มีการพิจารณาคดีของนายชอวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ ในข้อหาฆาตกรรม ขณะที่นายชอวิน ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ได้ฝึกมาอย่างถูกต้อง โดยล่าสุดอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาคณะลูกขุนเพื่อพิจารณาในคดีดังกล่าว



          ครอบครัวนายฟลอยด์ ฟ้องร้องทั้งเมืองมินนีอาโปลิส นายชอวิน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ในคดีดังกล่าว โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการจับกุมนายฟลอยด์ 



แอสตราเซเนกา ไม่พบหลักฐาน ที่จะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

          ผลการทบทวนวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ที่บริษัทได้ทดสอบเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยุโรป ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และหลังจากนี้จะเผยแพร่รายงานด้านความปลอดภัยรายเดือนบนเว็บไซต์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป



          บริษัทระบุว่า การทบทวนดังกล่าวได้ศึกษาประชาชนมากกว่า 17,000,000 คน ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบหลักฐานเพิ่มความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง หรือ ภาวะเกล็ดเลือดตํ่า ในทุกกลุ่มอายุที่กำหนด ทุกเพศ ทุกล็อต



          แอสตราเซเนกา ระบุว่า ที่ได้รับรายงานจนถึงตอนนี้ พบเคสลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำรุนแรง 15 เคส และลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด 22 เคส ซึ่งพอๆ กับวัคซีคโควิด-19 ของบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติแล้ว



          ผลการทบทวนดังกล่าว เกิดขึ้นคือ เจ้าหน้าที่ในไอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และ ไอซ์แลนด์ ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา เนื่องจากประเด็นลิ่มเลือด ส่วน ออสเตรีย หยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา ล็อตหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการสืบสวนเหตุเสียชีวิตของผู้ฉีดรายหนึ่งที่เกิดจากอาการเลือดแข็งตัว

          หลายประเทศในยุโรปอนุมัติให้ใช้วัคซีนจากแอสตราเซเนกา แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ บริษัทเตรียมยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินของสหรัฐฯ คาดว่า จะมีข้อมูลจากการทดลองเฟส 3 ในสหรัฐฯออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า



ไอร์แลนด์ ชะลอฉีดก่อน กังวลกลัวเป็นเหมือนนอร์เวย์



          ประเทศไอร์แลนด์ เป็นประเทศล่าสุดที่สั่งระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาชั่วคราวออกไปก่อน จนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของสหภาพยุโรป ประกอบกับไอร์แลนด์เตรียมฉีดให้กลุ่มคนที่มีปัญหาสุขภาพ นายโรแนน กลีน รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์แห่งไอร์แลนด์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่มีอะไรก็ได้ และหวังว่าภายใน2-3 วันต่อจากนี้จะได้รับข้อมูลที่ยืนยันความมั่นใจ



          ความเคลื่อนไหวของไอร์แลนด์ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ สำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ เผยแพร่รายงานว่า พบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 คนที่เพิ่งได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเลือดออก, ลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดต่ำ 



รัสเซีย เผยองค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนดิสเครดิตวัคซีนสปุตนิก วี



          สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย รายงานว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังวางแผนหวังบิดเบือนข้อมูล เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของวัคซีนสปุตนิก วี ที่พัฒนาโดยรัสเซีย รายงานข่าวจากทำเนียบเครมลิน ของรัสเซีย ระบุว่า แผนดังกล่าวเป็นฝีมือองค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาลและสื่อมวลชนในตะวันตก มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของวัคซีนจากรัสเซียด้วยการสร้างข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความด้อยประสิทธิภาพและอันตรายที่ทำให้เกิดเสียชีวิต



          รัสเซียได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว 3 ตัว ได้แก่ สปุตนิก วี , เอพิวัคโคโรนา และโควิแวค อย่างไรก็ตาม ประชาชนในรัสเซียได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 โดส มากกว่า 2,000,000 คน และได้รับวัคซีนโดสแรกอีก 2,000,000 คน นับตั้งแต่เริ่มต้นการฉีดวัคซีนขนานใหญ่เมื่อต้นเดือนธ.ค.63จนถึงวันที่ 4 มี.ค. 64 



นายกฯสิงคโปร์ เตรียมเปิดพรมแดนปลายปีนี้



          นายลี เซียน ลุง นายกฯสิงคโปร์  หวังว่า ภายในสิ้นปีนี้ สิงคโปร์จะสามารถเปิดพรมแดนประเทศได้ หลังจากที่ประเทศต่างๆ ได้เร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด สิงคโปร์ สั่งห้ามการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว แต่ยังเปิดให้เฉพาะผู้ที่เดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจและการเดินทางของข้าราชการ และยังมีการหารือเกี่ยวกับการจัดทำใบรับรองการฉีดวัคซีนกับชาติต่างๆ เพื่อใช้บังคับกับการเดินทางสองฝ่าย



          นายกฯสิงคโปร์ หวังว่า ประเทศต่างๆ จะมีประชากรที่เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนมากภายในปลายปีนี้ เพื่อที่จะได้มีความมั่นใจเกิดขึ้น และเพื่อที่จะได้เปิดพรมแดนในการเดินทางที่ปลอดภัยอีกครั้ง



ออสเตรเลีย อัดฉีดงบฯเพิ่มเติมรับมือโควิด-19



          นายสก็อต มอร์ริสัน นายกฯออสเตรเลีย จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย ออสเตรเลีย จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 1,100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 853.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  จะช่วยปกป้องชาวออสเตรเลียจากภัยคุกคามของสถานการณ์โรคระบาดที่ยังคงดำเนินอยู่



          การอัดฉีดงบประมาณในครั้งนี้ส่งผลให้รัฐบาลออสเตรเลียใช้เงินเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ไปแล้วกว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่ง 6,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย นำไปใช้ในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน



 



 



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X