กระทรวงสาธารณสุข แจงแผนฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยเสร็จภายในปี 2566 เป็นข้อมูลเก่า และไม่ตรงข้อเท็จจริง โดยแผนการทำงานปัจจุบันคือ การฉีดวัคซีนจำนวน 63 ล้านโดสเสร็จสิ้นภายในปีนี้
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะแรกใน 13 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ -12 มีนาคม 2564 ฉีดแล้ว 44,409 คน ภาพรวมถือว่าทำได้เร็วกว่าเป้าหมาย โดยมี 7 จังหวัดที่ฉีดครบตามเป้าหมายแล้ว ส่วนสมุทรสาครและกรุงเทพมหานคร จะฉีดได้ตามเป้าหมายภายในสัปดาห์หน้า สำหรับแผนการฉีดวัคซีนโควิด 19 รวม 63 ล้านโดส จะฉีดได้ครบถ้วน 31 ล้าน 5 แสนคน คนละ 2 โดส ก่อนสิ้นปี 2564 โดยตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นไปที่มีวัคซีนมากขึ้น วางแผนฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า แผนการฉีดวัคซีนจะเสร็จสิ้นในปี 2565-2566 เป็นแผนเก่าที่กรมควบคุมโรคเคยเสนอต่อคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อพฤศจิกายน 2563 เนื่องจากขณะนั้นยังไม่มีการนำวัคซีนมาใช้ การวิจัยยังไม่แน่ใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยว่าจะป้องกันโรคได้หรือไม่ และผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่ากว่าวัคซีนจะใช้ได้คงอีกหลายปี
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการจองซื้อวัคซีนของแอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส โดยลงนามสัญญาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ต่อมามีการระบาดที่ จ.สมุทรสาคร จึงจัดหาวัคซีนของซิโนแวค 2 ล้านโดสเข้ามาเพิ่มอย่างเร่งด่วน และจัดซื้อจากแอสตราเซเนกาอีก 35 ล้านโดส จึงมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่ให้สอดคล้องสถานการณ์ โดยจะฉีด 63 ล้านโดสให้เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งแผนการฉีดวัคซีนนี้ผ่านความเห็นชอบของ ศบค. คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีการแถลงต่อสื่อมวลชนให้ทราบต่อเนื่อง
ส่วนการชะลอการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ขณะนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นว่า อาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดในยุโรป ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขกำลังรวบรวมข้อมูล ทั้งข้อมูลทางการจากองค์การอนามัยโลกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะมีผลสรุปได้ในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่เกี่ยวกับวัคซีนก็จะกลับมาเริ่มฉีดวัคซีนต่อไปตามแผนที่กำหนดไว้ ยืนยันว่าวัคซีนที่จะนำมาให้คนไทยต้องมีความปลอดภัย
....