ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564

           หลังจากที่ออสเตรีย เดนมาร์ก ระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทแอสตราเซเนกา ล่าสุด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในประเทศนอร์เวย์และไอซ์แลนด์ ระงับการใช้วัคซีนโควิด-19ของแอสตราเซเนกา เช่นกัน หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางคน

          สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค 64 ชาวออสเตรีย 2 คน ได้รับวัคซีนจากแอสตราเซเนกา หลังจากนั้น 1 คน ที่เป็นพยาบาลวัย 49 ปี  เสียชีวิตหลังรับวัคซีน 10 วัน  ได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการลิ่มเลือดอุดตัน ส่วนอีก 1 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ล่าสุด ได้รับการรักษาอาการดีขึ้น ทำให้ออสเตรียประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาล็อตดังกล่าวชั่วคราว

          ล่าสุด องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) แถลงว่า ไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกากับการป่วยของชาวออสเตรีย 2 คน เนื่องจากอาการลิ่มเลือดอุดตัน ไม่ใช่อาการไม่พึงประสงค์หลังจากฉีดวัคซีน มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ใช้ต่อได้

          นอกจากนี้อีก 4 ชาติในยุโรป ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และลักเซิมเบิร์ก ได้สั่งหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาจากล็อตเจ้าปัญหาเช่นกัน ซึ่งเป็นล็อตที่ถูกส่งเข้ายุโรปให้กับ 17 ชาติ โดยมีจำนวนโดสรวมทั้งหมด 1,000,000 โดส

อังกฤษ-เกาหลีใต้ ไม่ติดใจ ฉีดวัคซีนแอสตราฯ ต่อ 

          ข้อมูลการใช้วัคซีนจากอังกฤษ พบว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา และบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโควิด-19 จนถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้ที่อายุ 80 ปีขึ้นไปจากการฉีดเพียงเข็มเดียว

          โฆษกของนายบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ แถลงว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาทั้งปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก เมื่อรับวัคซีนเข็มแรกไปแล้วจะเริ่มเห็นถึงผลของโครงการแจกวัคซีน จะเห็นได้ว่า จำนวนเคสลดลงทั่วประเทศ จำนวนการเสียชีวิต จำนวนการรักษาพยาบาล ลดลง

          เมื่อเดือนธ.ค. 63 อังกฤษเป็นชาติแรกในโลกที่เริ่มต้นโครงการแจกวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนก่อนประเทศอื่น ที่มีสัดส่วนการแจกวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นจำนวนมากและตามมาด้วยวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค

          เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ที่ประกาศเมื่อวานนี้ 11 มี.ค.64 ว่า จะขยายโครงการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาครอบคลุมประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 370,000 คน

อนุมัติแล้ว ! ยุโรป ให้ใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ฉีดเข็มเดียว ให้คนอายุ 18 ปีขึ้นไป  

          นางเอเมอร์ คุก กรรมการบริหารขององค์การยาแห่งยุโรป (EMA) หน่วยงานกำกับกฎระเบียบยาของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) เปิดเผยว่า EMA อนุมัติให้ประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศใช้วัคซีนชนิดฉีดเข็มเดียวจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันของสหรัฐฯเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เป็นวัคซีนอีกตัวหนึ่งที่จะช่วยลดการแพร่ระบาด ปกป้องชีวิตของประชาชนให้ปลอดภัย นับเป็นวัคซีนตัวที่ 4 ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่มอียู ต่อจากวัคซีนจากไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ของสหรัฐฯ-เยอรมนี, มหาวิทยาอ็อกซ์ฟอร์ด-บริษัทแอสตราเซเนกาจากอังกฤษ-สวีเดนและวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นาของสหรัฐฯ

          นับเป็นความพยายามของกลุ่มอียูที่จะเร่งโครงการวัคซีนของกลุ่มอียูให้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตวัคซีนบางรายประสบปัญหาล่าใช้ในการส่งมอบวัคซีนให้กับกลุ่มอียูในปีนี้

          ทั้งนี้ EMA แนะนำให้ใช้วัคซีนสำหรับคนอายุ 18 ปีขึ้นไป หลังการประเมินผลวิจัยทางคลินิกในเฟสที่ 3 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อย่างละเอียดแล้ว พบว่า สอดคล้องกับข้อกำหนดของ EMA คือ มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและมีคุณภาพ สำหรับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคร้อยละ 67

          นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างจากวัคซีนอื่นๆอีก 3 ตัวคือ วัคซีนจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ฉีดเพียงเข็มเดียว ขณะที่วัคซีนอื่นๆอีก 3 ตัวที่ EMA อนุมัติแล้ว ต้องฉีดรวม 2 เข็ม แต่ละเข็มฉีดห่างกันหลายสัปดาห์

พบคลัสเตอร์ใหม่ ในโรงยิมฮ่องกง ติดเชื้อแล้ว 30 คน 

          สถานการณ์การติดเชื้อในฮ่องกง กลับมาน่ากังวลอีกครั้ง เนื่องจาก พบการติดเชื้อกลุ่มใหม่ในโรงยิม ดร.จาง จู๋จวิน ผู้อำนวยการสำนักงานอนามัยของฮ่องกง เปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ที่โรงยิมเออร์ซุส ฟิตเนส (Ursus Fitness) สถานที่ออกกำลังกายชื่อดังในย่านไซ้เหย่งผู่น (Sai Ying Pun) มีลูกค้าที่มาออกกำลังกายติดโรคโควิด-19 แล้ว 30 คน ส่วนใหญ่เข้ามาใช้โรงยิมไม่สวมหน้ากากอนามัย จึงมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกงต้องกักกันเฝ้าระวังลูกค้าของโรงยิมแห่งกังกล่าวแล้วกว่า 240 คน สำหรับผู้ติดโรคโควิด-19 รวมถึงคนที่ทำงานในธุรกิจธนาคารและเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติทำให้ต้องปิดทำความสะอาด

-ในจำนวนผู้ติดเชื้อ พบว่า เป็นพนักงานคนหนึ่งของธนาคารเครดิต สวิส สาขาฮ่องกง ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องสั่งปิดสำนักงานทั้งชั้น เพื่อตรวจโรคสำหรับพนักงานอื่นๆ พร้อมสั่งให้พนักงานบางคนกักกันตัวและขอให้ทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาด

-นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ติดเชื้อทำงานอยู่ในโรงเรียน ทำให้มีโรงเรียนอย่างน้อย 9 แห่ง ปิดชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

          การระบาดครั้งนี้มีขึ้นหลังจากฮ่องกงค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดห้างร้าน เช่น โรงยิมและร้านเสริมสวย เปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.64 หลังปิดร้านมากว่า 2 เดือน ขณะเดียวกัน โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์มาตั้งแต่เดือนพ.ย.63

          สถานการณ์การแพร่ระบาดโดยรวม ฮ่องกง มีประชากร 7,500,000 คน เมื่อวันพุธ 10 มี.ค.64 พบผู้ป่วยรายใหม่ 22 คน ฮ่องกงเริ่มจัดโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนตั้งแต่เดือนก.พ.64 มีคนเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว 130,500 คน

หุ้นวอลล์สตรีท พุ่งแรง  ขานรับ ‘ ไบเดน’ ลงนามในแพ็กเกจ เยียวยาโควิด-19

-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 188.57 จุด หรือร้อยละ 0.58 ปิดที่ 32,485.59 จุด

-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 40.53 จุด หรือร้อยละ 1.04 ปิดที่ 3,939.34 จุด

-แนสแดค เพิ่มขึ้น 329.84 จุด หรือร้อยละ 2.52 ปิดที่ 13,398.67 จุด



          ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับขึ้นมากกว่าร้อยละ 2  พบว่าสต๊อกสำรองน้ำมันเบนซินลดลง และเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเม.ย.64 เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 66.02 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ค.64 เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 69.63 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

          ราคาทองคำ ปิดตลาดบวก 3 วันติดต่อกัน  ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย.64 เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ ปิดที่ 1,722.60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์