การบินไทยคงสภาพการจ้างเดิม หากพนักงานไม่สมัครใจเข้าคัดกรองตามปรับโครงสร้างใหม่

          รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 64 นายวรรณรัตน์ ศรีสุกใส รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  ชี้แจงว่า แม้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)พ้นจากการเป็น”รัฐวิสาหกิจ”ตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543แล้วก็ตาม แต่ยังคงเป็นกิจการที่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 สัญญาจ้างเงื่อนไขการทำงานรวมถึงสภาพการจ้างของพนักงานที่มีอยู่เช่นใดก็ยังคงมีผลผูกพันพนักงานกับบริษัท 

          อย่างไรก็ตาม หากบริษัท ฯ มีความจำเป็นที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานบางส่วนโดยลดจำนวนพนักงาน หรือยุบเลิกหน่วยงานเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯซึ่งไม่เป็นคุณต่อพนักงาน จะต้องมีการตกลงและได้รับความยินยอมจากพนักงาน นอกจากนี้ หากมีการเลิกจ้างพนักงาน บริษัทฯ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง

          ก่อนหน้านี้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างองค์กร บริษัทได้ขอความร่วมมือจากพนักงานให้ความยินยอมเปลี่ยนสภาพการจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยพนักงานที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 ยังคงเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ อยู่โดยไม่ต้องลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนแสดงความจำนง ซึ่งการแสดงความจำนงเป็นเพียงการให้ความยินยอมในการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง อาทิ ตำแหน่งงาน ค่าจ้าง และสวัสดิการต่างๆ ที่จะได้รับตามโครงสร้างองค์กรและสิทธิประโยชน์ใหม่เท่านั้น

          หากพนักงานที่แสดงความจำนงได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ อายุงานของพนักงานจะนับต่อเนื่อง รวมถึงการนับอายุงานตามกองทุนบำเหน็จและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็นับอายุงานต่อเนื่องด้วย ส่วนสภาพการจ้างจะเปลี่ยนแปลงไปโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป

          สำหรับพนักงานที่ไม่แสดงความจำนงเข้ากระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 และไม่เข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร จะยังคงเป็นพนักงานของบริษัทฯ ภายใต้สภาพการจ้างเดิมต่อไป

          นายนเรศ ผึ้งแย้ม ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการบินไทยร่วมใจสัมพันธ์ (สร.กบท.สพ.) เปิดเผยว่า พนักงานคนใดต้องการสมัครใจยอม ก็ยอม ใครไม่ยินยอมสมัครใจ สภาพการจ้างและตำแหน่งงานก็ยังได้รับความคุ้มครองตาม พรบ. คุ้มครองแรงงานเหมือนเดิมกรณี ตำแหน่งงานหรือหน่วยงานที่พนักงานสังกัดอยู่ถูกยุบ นายจ้างมีหน้าที่ ต้องจัดหาตำแหน่งงานใหม่รองรับในตำแหน่งงานเป็นระดับเดียว และระดับเงินเดือนในเดิม ส่วนกรณี บริษัทเลิกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย จ่ายค่าบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า 30วัน จ่ายค่าวันลาพักร้อนคงเหลือสะสมของท่าน และสวัสดิการตั๋วยังเป็นสวัสดิการตามสภาพการจ้างเดิม