นายโรเบิร์ต ชาเลน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ของอังกฤษ ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ เดอะ บริติช เมดิคอล เจอร์นาล (British Medical Journal)ในวันนี้ บ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ หรือสายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศทั่วโลกนับตั้งแต่ถูกค้นพบในอังกฤษครั้งแรกในเดือนกันยายนปีที่แล้ว เป็นเชื้อไวรัสมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมระหว่าง ร้อยละ 30-100 นับว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก เมื่อเทียบกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์อื่นๆเช่น แอฟริกาใต้และบราซิล
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ศึกษาจากตัวอย่างเลือดของคนไข้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 54,906 ราย ทีมวิจัยพบว่ามีจำนวน 227 รายเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ เทียบกับการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากสายพันธุ์อื่นๆเช่น บราซิล และแอฟริกา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 141 ราย
ทีมนักวิจัยอังกฤษยังพบว่า เชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษเองยังมีการกลายพันธุ์ทางรหัสทางพันธุกรรมมาแล้วรวม 23 ครั้ง นับว่าสูงมาก ซึ่งบางสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่โดยรวม เชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษแพร่ระบาดเร็วกว่าเชื้อไวรัสดั้งเดิมระหว่างร้อยละ 40-70 แสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษเป็นภัยคุกคามทางสาธารณสุขที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกจะต้องหามาตรการป้องกันโดยเร็ว
Cr: Reuters, USnews