นายรอมนีย์ ฮัมฟรีส์ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาคลินิก ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอบิลท์ สหรัฐฯ เปิดเผยผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ชื่อว่าดิ แอนนัลส์ ออฟ อินเตอร์นัล เมดิซีน (the Annals of Internal Medicine) ชี้ว่า การที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯจัดส่งอุปกรณ์ตรวจโรคชนิดทราบผลตรวจใน 20 นาทีไปให้ประชาชนทางไปรษณีย์เพื่อให้ทำการตรวจโรคเองที่บ้านเป็นวิธีการที่คุ้มค่า สะดวกและมีประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
ผลการศึกษา ระบุว่า หลังได้รับอุปกรณ์ตรวจโรคทางไปรษณีย์แล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 60 วัน ถ้าหากครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด 331,002,651 คนของสหรัฐฯทำการตรวจโรคด้วยตนเองทุกๆสัปดาห์ และครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่ตรวจพบว่าตนเองติดโรคโควิด-19 เริ่มกักกันตนเองโดยทันที มาตรการนี้จะช่วยป้องกันประชาชนราว 2,800,000 คนให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อีกทั้งช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตราว 16,000 ราย หรือในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดคือ เพียงร้อยละ 25 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯตรวจโรคเองที่บ้าน และร้อยละ 25 ของกลุ่มที่พบว่าตนเองติดโรคโควิด-19 และเริ่มกักกันตนเองโดยทันที แนวทางนี้อาจจะช่วยลดการเสียชีวิตของประชาชนได้ถึง 3,400 ราย
นักวิจัยระบุว่าภาครัฐจะเสียค่าใช้จ่ายราว 12,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดส่งอุปกรณ์ตรวจโรคชนิดทราบผลเร็วไปให้ประชาชนตรวจโรคเองที่บ้าน ในกรณีตรวจพบผู้ป่วย ซึ่งจำเป็นต้องกักกันตนเองที่บ้าน ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เศรษฐกิจของประเทศจะเสียหายราว 10,500,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งช่วยลดทรัพยากรของประเทศเช่น แพทย์และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในห้องไอซียู ทั้งนี้ ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่าอัตราการตรวจโรคให้กับกลุ่มเสี่ยงในสหรัฐฯเริ่มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคม แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของสหรัฐฯมองว่าการตรวจโรคยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีน และการเว้นระยะห่างซึ่งจะต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯทราบทิศทางการแพร่ระบาดอย่างแท้จริง
Cr: CNN, AARP