"ท็อป โกลฟ" ยืนยันบริษัทไม่มีการบังคับใช้แรงงาน หลังถูกสหรัฐฯแบนสินค้า
บริษัทท็อป โกลฟ คอร์ป บริษัทมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดของโลก แถลงผลการตรวจสอบของบริษัทที่ปรึกษาอิสระ นายลิ้ม ชอง กวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของท็อป โกลฟ กล่าวว่า บริษัทไม่มีพฤติกรรมการบังคับใช้แรงงานอย่างเป็นระบบ หลังจากที่ทางการสหรัฐฯได้แสดงความกังวลต่อปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทที่ปรึกษาอิสระ ยังได้รับรองว่า บริษัทท็อป โกลฟ ปรับปรุงสภาพการทำงานของแรงงานตามแผนที่บริษัทได้ยื่นต่อทางการสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสูงเป็นประวัติการณ์เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้อานิสงส์จากความต้องการใช้ถุงมือทางการแพทย์จำนวนมากในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำนักงานศุลกากรและปกป้องชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) ประกาศระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ของบริษัท 2 แห่งในเครือของท็อป โกลฟ เนื่องจากต้องสงสัยว่าบริษัทมีการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิต
ไต้หวัน ติด #FreedomPineapple หลังถูกจีน ระงับการนำเข้า
#FreedomPineapple ไต้หวัน ปั่นแฮชแท็กเชิญชวนซื้อสับปะรดที่ปลูกในไต้หวัน หลังจีนแบนการนำเข้า สำนักข่าวนิเคอิ รายงาน หลังที่จีน ประกาศแบนการนำเข้าสับปะรดของไต้หวัน ทำให้รัฐบาลไต้หวันเคลื่อนไหวโดยใช้ #FreedomPineapple หรือแฮชแท็ก เสรีภาพของสับปะรด ในสื่อออนไลน์ เพื่อรณรงค์ให้มีการสนับสนุนการซื้อสับปะรดที่ปลูกในประเทศ หลังจากนั้นก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากยอดขายภายในประเทศและจากต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น ได้พุ่งสูงแซงหน้ายอดส่งออกสับปะรดไปยังจีนเป็นที่เรียบร้อย
จีนปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงการแบนสับปะรดไต้หวัน โดยระบุว่าการแบนดังกล่าวไม่มีนัยทางการเมืองใดๆ แต่เป็นเพราะเมื่อปีที่แล้ว เจอศัตรูพืชในผลไม้ ทำให้ไต้หวัน โต้กลับโดยระบุว่าร้อยละ 99.79 ของสับปะรดไต้หวันผ่านการตรวจสอบจากศุลกากรจีนเมื่อปีที่แล้ว
ด้านนางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้ร้องขอให้ประชาชนสนับสนุนเกษตรกรไต้หวันด้วยการรับประทานสับปะรดที่ปลูกในประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เตรียมทุ่มงบประมาณราว 1,100 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแบนสับปะรด รวมถึงการขยายตลาดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
นายโจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน เปิดเผยข้อความผ่านทวิตเตอร์ ร้องขอให้ผู้ที่มีจุดยืนเดียวกับไต้หวันทั่วโลกยืนเคียงข้างไต้หวัน และสนับสนุน #FreedomPineapple
เจ้าหน้าที่ทูตของสหรัฐฯ และแคนาดาในกรุงไทเป ได้โพสต์ภาพสนับสนุนโครงการดังกล่าว พร้อมกับวิธีนำสับปะรดไปแปรรูปเป็นเมนูต่างๆ
ไต้หวัน ส่งออกสับปะรดเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ส่วนใหญ่ส่งออกไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปีที่แล้ว ส่งออกไปจีน 45,621 ตัน ร้อยละ 97 ส่งออกไปจีนแผ่นดินใหญ่ อีกร้อยละ 2 ส่งออกไปญี่ปุ่น และร้อยละ 1 ส่งออกไปฮ่องกง
การที่จีนแบนสับปะรดไต้หวัน ถูกมองว่าเป็นการต้องการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจของไต้หวัน และต่อต้าน นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ที่มีจุดยืนฝั่งประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
เมื่อปีที่แล้ว จีน ออกแคมเปญทางเศรษฐกิจและการเมืองที่กระทบต่อไต้หวันในหลายด้าน และได้แบนการอนุญาตชาวจีนเดินทางเข้าไต้หวัน และระงับนักเรียนของจีนให้เข้าศึกษาในไต้หวัน
เริ่มทดลองแล้ว ! จีน เปิดตัวพาสปอร์ตวัคซีน
เดินหน้าเตรียมเปิดเศรษฐกิจเต็มที่ จีน เปิดตัวโครงการใบรับรองด้านสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีแผนการเดินทางข้ามพรมแดน โดยจะร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่ใช้เอกสารรับรองด้านสุขภาพในลักษณะเดียวกันเพื่อกลับมาเปิดเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
สำนักงานกงศุลของกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนได้เริ่มโครงการใบรับรองสุขภาพของพลเมืองจีน ซึ่งเป็นรูปแบบดิจิทัล จะแสดงสถานะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาของผู้ใช้งานผ่านโปรแกรมบนวีแชท (WeChat) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนจะออกใบรับรองดังกล่าวเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก และส่งเสริมการเดินทางข้ามพรมแดน อย่างไรก็ดี ตอนนี้จีนเพิ่งใช้พาสปอร์ตวัคซีนกับพลเมืองจีนเท่านั้นและยังไม่ได้ประกาศบังคับใช้
นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวว่า เป้าหมายของใบรับรองนี้เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันในเรื่องข้อมูล เช่น การทดสอบหาเชื้อไวรัสและการฉีดวัคซีน ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยและการติดต่อระหว่างบุคคล ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีประเทศไหนยอมรับใบรับรองร่วมกันกับจีนบ้าง และในขณะนี้จีนยังไม่ได้ประกาศผ่านปรนมาตรการกักตัวเพื่อดูอาการสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว
ด้านสหรัฐฯและอังกฤษ อยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพิจารณาใช้ใบรับรองสุขภาพที่มีรูปแบบลักษณะเดียวกัน
ส่วนสหภาพยุโรป กำลังพัฒนาพาสปอร์ตวัคซีน ชื่อ กรีนพาส เพื่ออนุญาตให้พลเมืองของประเทศสมาชิกไปมาหาสู่กัน และเดินทางออกนอกสหภาพยุโรปได้เช่นกัน
สิ้นเดือนนี้ ญี่ปุ่น เริ่มผลิตเข็มฉีดวัคซีนโควิดแบบใหม่ ฉีดวัคซีนได้เพิ่มขึ้น
บริษัทเทรุโมะ คอร์ป บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่น พัฒนาเข็มฉีดยาแบบใหม่ที่ทำให้สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ได้ขวดละ 7 โดส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ฉีดได้ 6 โดส ญี่ปุ่นใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ที่ระบุในตอนแรกว่า วัคซีนหนึ่งขวดสามารถฉีดได้ 5 โดส แต่สามารถฉีดวัคซีนได้ 6 โดส หากใช้เข็มฉีดยาแบบพิเศษที่ช่วยลดปริมาณวัคซีนที่เหลืออยู่ในเข็มฉีดยา และเข็มฉีดยาล่าสุดนี้จะทำให้ฉีดวัคซีนได้ขวดละ 7 โดส
โฆษกของบริษัทเทรุโมะ คอร์ป กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นได้อนุมัติรูปแแบบเข็มฉีดยาดังกล่าวแล้ว และบริษัทจะเริ่มผลิตเข็มฉีดยาแบบใหม่ในช่วงสิ้นเดือนนี้
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น รายงานว่า บริษัทเทรุโมะ คอร์ป ตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะผลิตเข็มฉีดยาให้ได้ 20,000,000 ชิ้น
ตั้งแต่เดือนก.พ.64 ญี่ปุ่นเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ให้ประชาชน แต่นายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น และรัฐมนตรีกำกับดูแลโครงการฉีดวัคซีน กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจต้องเสียวัคซีนบางส่วนไปเปล่าๆ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนเข็มฉีดยาแบบพิเศษ
ตม.กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น พบคลัสเตอร์ใหม่ ผู้ต้องกัก-จนท. ติดเชื้อกว่า60คน
ญี่ปุ่นเร่งตรวจหาสาเหตุการติดเชื้อโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ ในศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเมือง พื้นที่ชั้น 4 ของสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวคือศูนย์กักกันตัวชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่น และรอส่งตัวกลับประเทศ ข้อมูลเมื่อเดือนก.พ.64 พบว่ามีผู้ต้องกักชาย 105 คน หญิง 27 คน อยู่รวมกันทั้งในห้องเดี่ยวและห้องรวม
ผู้ต้องกักตัว คนหนึ่ง เปิดเผยกับสื่อมวลชนญี่ปุ่นว่า ขณะนี้มีผู้ต้องกัก 58 คนติดเชื้อโควิด-19 และหากรวมเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อด้วยแล้วจะมีผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มภายในสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวมากถึง 64 คน
การติดเชื้อแพร่ระบาดจากส่วนของผู้ต้องกักชายตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 64 เมื่อผู้ต้องกัก 2 คนและเจ้าหน้าที่ 1 คน มีอาการป่วย ในวันต่อมา ผู้ติดเชื้อก็เพิ่มเป็น 5 คน และติดเชื้อต่อกันไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ในขณะนี้ผู้ต้องกักกว่าร้อยละ 40 ติดเชื้อโควิด-19
โยโกะ คามิกาวะ รัฐมนตรียุติธรรมญี่ปุ่น ระบุกับคณะกรรมาธิการของรัฐสภาว่า การติดเชื้อจากผู้ต้องกักกันรายใหม่มีโอกาสน้อยมาก เพราะต้องถูกกักตัว 2 สัปดาห์ก่อนเข้ามายังศูนย์กักกัน และผู้ต้องกักจะถูกจำกัดพื้นที่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการติดเชื้อจะมาจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
สำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียว ตรวจหาเชื้อผู้ต้องกักทุกคนและแยกผู้ที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ถึงแม้จะยังไม่มีผู้ที่อาการหนัก แต่มี 2 คนที่มีโรคประจำตัวถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล ตามคำแนะนำของหน่วยงานด้านสาธารณสุข
ย้อนไปช่วงปลายเดือนม.ค.64 ผู้ต้องกักชาวอิหร่านวัย 40 ปี คนหนึ่งบ่นว่าเจ็บคอ มีไข้ และไม่รู้รสอาหาร เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 และขอให้มีมาตรการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อไปยังคนอื่น แต่เจ้าหน้าที่เพิกเฉยและไม่ดำเนินการอะไร ชายผู้นี้ป่วยหนักมากขึ้นและได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19ในช่วงกลางเดือนก.พ.64 จึงมีการแยกตัวไปยังห้องเดี่ยว เจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเชื้อโรคมาวัดไข้และความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดวันละ 3 ครั้ง พบว่ามีไข้สูงถึง 38 องศา ไออย่างหนัก หายใจติดขัด และอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับตัวได้
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นได้ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องกัก 400-500 คน ทำให้จำนวนผู้ที่ยังอยู่ที่ชั้น 4 ของสำนักงานตรวจคนเมืองกรุงโตเกียวลดลงเหลือ 132 คน
ผู้นำสหรัฐฯ ส่ง ‘แชมป์’ กับ ‘เมเจอร์’ สุนัขที่เลี้ยงไว้กลับบ้าน ไล่กัดคน
สุนัขเลี้ยงทั้ง 2 ตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ถูกส่งกลับบ้านที่รัฐเดลาแวร์แล้ว หลังจากหนึ่งตัวกัดเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ‘แชมป์’ กับ ‘เมเจอร์’ สุนัขเลี้ยงพันธุ์ เยอรมันเชพเพิร์ด ทั้ง 2 ตัวของประธานาธิบดี ไบเดน กับ นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ถูกส่งกลับไปที่บ้านของครอบครัวไบเดนที่รัฐเดลาแวร์แล้ว หลังจากเจ้าเมเจอร์ อายุ 3 ปี มีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว
รายงานระบุว่า นายไบเดนรับเลี้ยงสุนัขเมเจอร์จากศูนย์พักพิงสัตว์ตั้งแต่ปี 61 ไล่กัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทำเนียบขาวนายหนึ่ง โดยไม่มีการเปิดเผยว่าอาการของผู้ที่ถูกกัดเป็นอย่างไรบ้าง
สุนัขเมเจอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในหลายเหตุการณ์ทั้งการกระโดด, เห่า และพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่
ส่วนสุนัขแชมป์ อายุ 13 ปี มีความเคลื่อนไหวทางกายภาพช้าลง เนื่องจากอายุมากแล้ว สาเหตุที่ต้องส่ง แชมป์ กลับไปที่รัฐเดลาแวร์ด้วย เนื่องจาก หนึ่งในผู้ที่คุ้นเคยกับสุนัขทั้ง 2 ตัว เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า พวกมันชอบอยู่ด้วยกัน
ขณะที่นายไบเดน เคยพูดเมื่อเดือนก.พ.64 ว่า เขารับเลี้ยงเมเจอร์เพื่อให้มาเป็นเพื่อนของแชมป์ เพื่อให้มันไม่เบื่อและกระฉับกระเฉง