ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 9 มีนาคม 2564
คนไทยรับวัคซีนโควิด-19 มีอาการไม่พึงประสงค์ไม่รุนแรง
การฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ข้อมูลผู้ได้รับวัคซีนโควิดสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-8 มี.ค.2564 รวม 29,900 ราย เฉพาะวันที่ 8 มี.ค. รวม 2,404 ราย เห็นได้ว่าตัวเลขการฉีดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยฉีดไปแล้วประมาณร้อยละ33-34 อย่างไรก็ตาม เมื่อฉีดวัคซีนจะมีอาการไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งสามารถพบได้ 1 ใน 3 ของผู้รับวัคซีนโควิด-19 อาจพบอาการข้างเคียงอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยรายงานผ่าน Line official account “หมอพร้อม” รวม 2,380 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.96 ของผู้รับวัคซีนทั้งหมด ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงชนิดไม่รุนแรง
สำหรับอาการไม่พึงประสงค์ผู้ที่ฉีดจะกดรายงานเข้ามาในระบบ “หมอพร้อม” โดยอาการเหล่านี้จะเป็นอาการข้างเคียงจากการฉีด ที่เกิดขึ้นได้ปกติ บางคนอาจมีอาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัว อักเสบบริเวณที่ฉีด ไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นขึ้น แต่กรณีที่ต้องเฝ้าระวังอย่างมาก คือ อาการข้างเคียงรุนแรง คือ ไข้สูง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มีจุดเลือดออกจำนวนมาก ผื่นขึ้นทั้งตัว อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง ปากเบี้ยวกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก หมดสติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบประสาท กรณีนี้ต้องมีการรายงานเข้ามาในระบบเฝ้าระวัง ซึ่งอาการข้างเคียงรุนแรงจำเป็นต้องสอบสวนโรค โดยข้อมูลวันที่ 28 ก.พ.-9 มี.ค. พบ 5 คน ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาแล้ว 1 คน โดยอาจเกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่เป็นชนิดไม่รุนแรง และรอการเสนอพิจารณา 4 คน ซึ่งทุกรายกลับบ้านหมดแล้ว
ด้าน ผศ.(พิเศษ) นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงไลน์ "หมอพร้อม" กับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า สามารถเข้าระบบ “หมอพร้อม” ได้ทางไลน์ออฟฟิสเชียล โดยหากเป็นกลุ่มเป้าหมายการรับวัคซีนกลุ่มแรกก็จะอยู่ในระบบหมอพร้อมแล้ว ซึ่งสามารถเช็กได้ และกรณีที่ยินยอมฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจ และยังสามารถเข้าไปเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการฉีดวัคซีนได้ และจะมีระบบนัด ระบบแจ้งเตือนเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 เมื่อ วัน เวลา ไหน เนื่องจากปัจจุบันวัคซีน 2 ยี่ห้อ ยังต้องรับ 2 เข็ม ซึ่งอยากให้มารับให้ครบ เพราะถ้ารับไม่ครบ ประสิทธิภาพจะลดลง หากรับจนครบ 2 เข็มก็จะได้รับประสิทธิภาพเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปตามนโยบายรัฐบาลพื้นที่ต่างๆ ก็จะถูกนำรายชื่อเข้าสู่ระบบ จากช่วงแรกเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่มทำงาน และกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งประชาชนทั่วไปทางระบบจะนำรายชื่อจากทะเบียนราษฎร์เข้ามา แต่หากไม่มีท่านสามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านได้หากท่านอยู่ในกลุ่มรับวัคซีนกลุ่มหลัง รายชื่อยังไม่เข้ามาในระบบ อย่าเพิ่งตกใจ รายชื่อจะทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนครบภายในปี 2564 นี้
ทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 114 ประเทศกว่า 300 ล้านโดสใช้เวลา 3 เดือน ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 27,497 โดส คิดเป็น ร้อยละ 0.05 ของประชากร
นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 114 ประเทศทั่วโลกที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด และมีจำนวนการฉีดวัคซีนทั่วโลกเกินกว่า 300 ล้านโดสแล้ว ใช้เวลา 3 เดือนพอดีนับจากวันแรกที่มีการฉีดวัคซีนในประชากรในวงกว้าง อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกอยู่ที่ 7.93 ล้านโดสต่อวัน โดย 100 ล้านโดสแรก ใช้เวลา 56 วัน ในขณะที่ 100 ล้านโดสที่สอง ใช้เวลาเพียง 19 วัน และ 100 ล้านโดสที่สาม ใช้เวลาเพียง 15 วัน
สำหรับประเทศที่ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุด 3 อันดับแรกของโลก คือ อิสราเอล ฉีดแล้วร้อยละ 96.01 , เซเชลส์ ฉีดแล้ว ร้อยละ 85.12 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฉีดแล้ว ร้อยละ 58.36 ส่วนความเร็วในการฉีดวัคซีน สูงที่สุด 5 อันดับแรก สหรัฐอเมริกา วันละ 2.16 ล้านโดส สหภาพยุโรป วันละ 1.10 ล้านโดส อินเดีย วันละ 0.95 ล้านโดส จีน วันละ 0.60 ล้านโดส รัสเซีย วันละ 0.51 ล้านโดส
เมื่อแยกการฉีดวัคซีนตามภูมิภาค พบว่า เอเชียและตะวันออกกลาง ฉีดแล้ว ร้อยละ 38.92 อเมริกาเหนือ ฉีดแล้ว ร้อยละ 31.63 ยุโรป ฉีดแล้ว ร้อยละ 22.05 ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ฉีดแล้ว ร้อยละ 5.73 แอฟริกา ฉีดแล้ว ร้อยละ 1.64 โอเชียเนีย ฉีดแล้ว ร้อยละ 0.03
สำหรับภูมิภาคอาเซียน ฉีดวัคซีนแล้ว 4,881,330 โดส ใน 8 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 525,039 โดส คิดเป็น ร้อยละ 9.2 ของประชากร อินโดนีเซีย จำนวน 4,022,544 โดส คิดเป็น ร้อยละ 1.51 ของประชากร เมียนมา จำนวน 104,664 โดส คิดเป็น ร้อยละ 0.2 ของประชากร กัมพูชา จำนวน 71,185 โดส คิดเป็น ร้อยละ 0.43 ของประชากร มาเลเซีย จำนวน 127,608 โดส คิดเป็น ร้อยละ 0.39 ของประชากร ไทย จำนวน 27,497 โดส คิดเป็น ร้อยละ 0.05 ของประชากร
ผู้พัฒนาวัคซีนรัสเซีย ขอความเป็นธรรม หลังองค์การยายุโรป ยังไม่อนุมัติให้ใช้ 'Sputnik V'
ผู้พัฒนาวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียได้ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ของวัคซีน Sputnik V ตั้งคำถามเรื่องความเป็นกลางของนางคริสตา เวอร์ธูเมอร์-โฮเช ประธานคณะกรรมการบริหารขององค์การยายุโรป(EMA) หลังนางเวอร์ธูเมอร์-โฮเช ประธานให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ORF ของออสเตรีย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม แนะนำให้ 27 ประเทศสมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ชะลอการอนุมัติวัคซีน Sputnik V ไปก่อน หลัง EMA อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนจากรัสเซีย
นอกจากนี้ ผู้พัฒนาวัคซีน Sputnik V ขอให้เธอขอโทษหลังแสดงความเห็นในเชิงลบต่อวัคซีนจากรัสเซีย ระบุว่าการแสดงความเห็นของเธอทำให้รัสเซียเกิดความสงสัยว่าฝ่ายการเมืองของกลุ่มอียูอาจจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องการพิจารณาอนุมัติวัคซีน โดยอ้างว่า ขณะนี้มี 46 ประเทศทั่วโลกอนุมัติให้ใช้วัคซีน Sputnik V เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในกรณีเร่งด่วน รวมทั้ง แม้ว่า EME จะเลื่อนการพิจารณาอนุมัติวัคซีน Sputnik V มาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็นในทางดูหมิ่นหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบจาก 46 ประเทศที่อนุมัติวัคซีน Sputnik V จากรัสเซีย หลังพิจารณาข้อมูลการวิจัยทางคลินิกอย่างละเอียด ในปัจจุบัน ฮังการี สโลเวเกียและสาธารณรัฐเช็คคือ 3 ประเทศสมาชิกอียู ที่อนุมัติให้ใช้วัคซีน Sputnik V จากรัสเซีย
ด้านนายคิริลล์ ดมิทริเยฟ ซีอีโอของกองทุนเพื่อลงทุนโดยตรงของรัสเซีย หรือ RDIF ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายวัคซีน Sputnik V ในต่างแดนเปิดเผยกับสื่อโทรทัศน์ของอิตาลีว่า กองทุน RDIF อยู่ระหว่างทำข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทอาเดียน ผู้ผลิตยาของอิตาลี เพื่อผลิตวัคซีนในอิตาลี
จีนเปิดตัว ไวรัสพาสปอร์ต ใช้เดินทางระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดตัวใบรับรองสุขภาพดิจิทัลบนแพลตฟอร์มวีแช็ต เมื่อวันจันทร์ (8 มี.ค.) ซึ่งจะบอกว่า ได้รับการฉีดวัคซีนและผลการตรวจโควิด-19 ของผู้ใช้ โฆษกกระทรวงระบุว่า การมีใบรับรองดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามประเทศ แม้ใบรับรองนี้ใช้สำหรับการเดินทางเข้าออกจีน แต่ยังไม่ชัดเจนว่า ประเทศอื่นๆจะใช้ด้วยหรือไม่ เมื่อนักเดินทางชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศ แต่นับว่า ใบรับรองชนิดนี้ ที่มีทั้งรูปแบบบดิจิทัลและกระดาษ เป็น “ไวรัสพาสปอร์ต” ฉบับแรกที่โลกรู้ ขณะที่สหรัฐฯ อังกฤษ และอื่นๆ กำลังพิจารณาออกใบอนุญาตแบบเดียวกัน ส่วนสหภาพยุโรปเร่งทำ “กรีนพาส” เปิดให้พลเมืองไปมาหาสู่กันระหว่างรัฐสมาชิกและไปต่างประเทศได้
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานด้วยว่า ใบรับรองนี้มีคิวอาร์โค้ดเข้ารหัสเปิดให้แต่ละประเทศสแกนข้อมูลสุขภาพของนักเดินทางได้ ซึ่งตอนนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะไปสถานที่สาธารณะหลายแห่งในจีน ต้องใช้คิวอาร์โค้ดบนวีแชตและแอปพลิเคชันอื่นๆ บนสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว
แอปพลิเคชันเหล่านี้ติดตามตำแหน่งผู้ใช้ ถ้าไม่ได้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว หรือไปในจุดที่ไวรัสระบาด แอปฯจะสร้างโค้ดสีเขียว หมายถึง สุขภาพดี แต่ระบบนี้ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว และกลัวกันว่าเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลสอดแนมมากขึ้นอีก
ปทุมธานีตรวจเชิงรุกไม่พบผู้ติดเชื้อ
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดปทุมธานี ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2564ผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3 คน รักษาหาย จำนวน 44 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 615 คน เสียชีวิต 1 ราย
ครม.ไฟเขียวแก้กฎหมาย ลดดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้-ผิดนัดชำระหนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติเห็นชอบให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ใช้มานานกว่า 95 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงประโยชน์ของกฎหมายและมีโอกาสชำระหนี้ได้มากขึ้น โดยจะลดอัตราดอกเบี้ย กรณีถูกฟ้องหนี้ที่ค้างอยู่ ซึ่งกฎหมายเดิมให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นไม่ให้กำหนดอัตรา แต่ให้เรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปีเท่านั้น
ส่วนกรณีผิดชำระหนี้ของเก่า จากเดิมเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 เป็นไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี การแก้ไขกฎหมายนี้ก็เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสชำระหนี้ได้ ไม่เช่นนั้นดอกเบี้ยจะทบเงินต้นไปเรื่อยๆ โดยจะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรให้พิจารณาต่อไป
หุ้นไทยบวกเล็กน้อย รับกองทุนจีนแทรกแซงตลาดหุ้น
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,550.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 99,228.68 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาได้ ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเฉพาะตลาดเอเชียเหนือที่พลิกมาบวกหลังจากมีข่าวกองทุนของรัฐบาลจีน หรือที่เรียกว่า "National Team" เข้าแทรกแซงตลาดหุ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพ ส่งผลให้เงินหยวนที่อ่อนค่าก็เริ่มนิ่ง และมีแรงซื้อกลับมาได้บ้างในหุ้นหลายตัวในตลาดเอเชีย ด้านตลาดหุ้นในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็บวกเป็นส่วนใหญ่ คาดหวังผลดีจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ ที่ระดับ 29,027.94 จุด เพิ่มขึ้น 284.69 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯปิดที่ 28,773.23 จุด เพิ่มขึ้น 232.40 จุด
ครม.เห็นชอบขยายเวลา ยืนยันตัวตน ‘ม33 เรารักกัน’ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’ ถึง 31 พ.ค.
การปรับปรุงโครงการ ม33 เรารักกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมเห็นชอบขยายระยะเวลายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิรับวงเงิน 4,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง (G-wallet) ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 โดยกลุ่มผู้ลงทะเบียนรอบแรกที่ผ่านการคัดกรอง กดใช้งานและยืนยันตัวตน ใน 3 ช่วงเวลานี้ คือ
1.ระหว่างวันที่ 15 – 21มีนาคม 2564 ได้รับวงเงิน 1,000 บาท/สัปดาห์ ระยะเวลา 4 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน (22, 29 มีนาคม 5 และ 12 เมษายน 2564)
2.ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 11 เมษายน 2564 ได้รับวงเงินครั้งแรกในวันที่กดใช้งานฯ เป็นยอดวงเงินสะสม จนถึงวันที่กดใช้งานฯ และรับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาท เช่น ยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์วันที่ 29 มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินครั้งแรกวันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 2,000 บาท (วงเงินสะสมของสัปดาห์แรก คือ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท และสัปดาห์ที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท) จากนั้นจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ในวันที่ 5 และ 12 เมษายน 2564
3.ระหว่างวันที่ 12 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ ครั้งเดียว จำนวน 4,000 บาท
สำหรับกลุ่มผู้ขอทบทวนสิทธ์และผ่านการคัดกรองเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ สามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 ยืนยันเพื่อรับสิทธิ์ระหว่างวันที่ 5 – 11 เมษายน2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่ 12 เมษายน 2564 จำนวน 4,000 บาท และหากยืนยันระหว่างวันที่ 12 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ จำนวน 4,000 บาท
สำหรับการขยายระยะเวลายืนยันตัวตนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 หวังให้ผู้ประกันตน ม33 ได้รับสิทธิ์เงิน 4,000 บาทอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับโครงการเราชนะที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยืนยันตัวตน โดยสำนักงานประกันสังคมจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เร่งเข้าร่วมยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด หลังการปิดลงทะเบียน เมื่อ 7 มีนาคมเวลา 23.00 น สรุปข้อมูลโครงการ ม33 เรารักกัน ผู้สมัครสำเร็จมีจำนวนทั้งสิ้น 8,208,286 คน
รฟม.เดินหน้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังศาลปกครอง ส่งคำสั่งจำหน่ายคดีข้อพิพาทถึง รฟม.แล้ว
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เปิดเผยว่า ในวันนี้ศาลปกครองกลาง ได้ส่งคำสั่งจำหน่ายคดี ข้อพิพาทฯ ที่เกิดจากการยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในครั้งแรกมาถึง รฟม. แล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดจะต้องชะลอดำเนินการเริ่มกระบวนการเชิญชวนประกวดราคารอบใหม่ ตามที่บีทีเอส.มีหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการ และชะลอการดำเนินการทั้งหมด โดยอ้างว่า คดียังอยู่ในข้อพิพาท โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ลงวันที่ 5 มีนาคม 2564 ตาม ที่รฟม.ได้ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากที่มีการยกเลิกการประกวดราคารอบแรกไป
ส่วนความคืบหน้าการประกาศเชิญชวน และรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน ในการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบใหม่ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ และมีไทม์ไลน์ที่ รฟม. จะนำเสนอให้กระทรวงคมนาคม นำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วง บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการประกวดราคา ได้ในเดือนสิงหาคม 2564