การพิจารณาขยายสิทธิ์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ยังไม่เห็นชอบการขยายสิทธิโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาเพิ่มเติมให้เกิดความรัดกุมป้องกันการทุจริต ก่อนนำกลับมานำเสนอ ครม.อีกครั้ง
นอกจากนั้น ที่ประชุมครม.รับทราบรายงานผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ท.) เรื่องการจัดแนวทางและมาตรการการประสานความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งการยกระดับดัชนีการรับรู้ทุจริตของไทย (ซีพีไอ) มีการจัดทำระบบร้องเรียนทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการดำเนินการต่างๆ เพื่อติดตามผลของคณะอนุกรรมการเดิม 3 คณะประกอบด้วย
1.คณะอนุกรรมการรัฐและภาคเอกชนที่ร่วมกันกำหนดบัญชีดำ หรือแบล็กลิสต์ ที่ห้ามทำธุรกรรมกับภาครัฐ สำหรับห้างร้าน หรือนิติบุคคลที่มีสินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือสนับสนุนการทุจริตในภาครัฐ
2.คณะอนุกรรมการกำหนดความผิดของนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต ประพฤติมิชอบ หรือร่วมกระทำความผิดและ
3.คณะอนุกรรมการกำหนดกลไก และประสานขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์การปราบปรามการทุจริต
นายกฯ ยังได้ย้ำ ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า บริษัท ห้างร้าน หรือผู้ประกอบการใดดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับโครงการใดที่มีการเยียวยา หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 หรือโครงการเรารักกันในอนาคต ไม่สุจริต ขอให้เร่งดำเนินการกำหนดขึ้นบัญชีดำบริษัท หรือห้างร้านต่างๆ เหล่านั้น
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าสภาพัฒน์ นำโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3" ตามที่ททท.เสนอเข้ามา เพื่อจะเพิ่มสิทธิ์จองห้องพักอีก 2 ล้านห้องใหม่ หลังจำนวนสิทธิ์จองห้องพักทั้ง 6 ล้านห้องเดิมจากเฟส 1 และเฟส 2 หมดไปเมื่อเดือน ก.พ. พร้อมขยายระยะเวลาการใช้สิทธิ์ห้องพักไปจนถึงเดือน31ก.ค.2564 ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ ททท.เคยอยากให้ขยายโครงการฯไปจนถึงเดือน ก.ย.2564 ซึ่งตรงกับระยะเวลาสิ้นสุดของ พรก.เงินกู้ฯ เนื่องจาก ต้องเผื่อเวลา 2 เดือนเพื่อสรุปงบประมาณการใช้จ่าย