กรมวิทย์ฯ ตรวจคุณภาพวัคซีนแอสตราฯ เชื่อผลออกทันฉีดให้นายกฯ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับตัวอย่างวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา จำนวน 23 ขวด ขวดละ 10 โดส มาตรวจสอบคุณภาพวัคซีน โดยการตรวจสอบมีทั้งส่วนที่เหมือนและส่วนที่แตกต่างจากวัคซีนของซิโนแวค ส่วนที่เหมือนกันคือจะต้องมีการตรวจสอบทางกายภาพ สี ตะกอนของวัคซีน ตรงนี้ใช้เวลาไม่แตกต่างกันมาก แต่ส่วนที่แตกต่างกัน และอาจจะใช้เวลานานคือการตรวจความแรงและเอกลักษณ์ของวัคซีน ซึ่งวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนใหม่ จึงใช้เวลาการตรวจนานกว่า แต่การทราบผลก็ยังอยู่ในระยะ 3 วันเช่นกัน เชื่อว่าทันต่อกำหนดการที่จะมีการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์นี้
อิตาลี อนุญาตให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาตามรอยฝรั่งเศสและเยอรมนี
อิตาลี ได้ปรับเพิ่มเพดานอายุในการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ตามรอยฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่แอสตราเซเนกา เปิดตัววัคซีนดังกล่าวเป็นครั้งแรกนั้น ผลการวิจัยพบว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาเหมาะใช้ฉีดกับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปีเท่านั้น ไม่เหมือนกับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค หรือบริษัทโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในอิตาลีและประเทศอื่นๆ ในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู)
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเมื่อช่วงต้นเดือนก.พ.64 ว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกาดูเหมือนจะปลอดภัยแม้ฉีดให้กับผู้สูงอายุ แต่หลายๆ ประเทศปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO อย่างล่าช้า
อย่างไรก็ดี เมื่อวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค และบริษัทโมเดอร์นา ประสบกับปัญหาด้านการขนส่ง หลายๆ ประเทศก็เริ่มเปลี่ยนท่าที โดยหน่วยงานสาธารณสุขของหลายๆ ประเทศได้ทำการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีนจากแอสตราเซเนกาในการฉีดให้ผู้สูงอายุ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราฯ สามารถเก็บและจัดส่งที่อุณหภูมิเครื่องแช่เย็นทั่วไปที่ใช้อยู่แล้วในระบบสาธารณสุข (อุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส) ได้นานอย่างน้อย 6 เดือน
มีรายงานว่า ทางการสวีเดนก็ได้แนะนำให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกากับผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ทำจริง อย่างไรก็ตาม ประเทศนอกกลุ่มยุโรปนั้น แคนาดายังคงห้ามไม่ให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกากับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
สัปดาห์หน้าเสนอโครงการทัวร์เที่ยวไทย เข้าที่ประชุมศบศ.กระตุ้นท่องเที่ยว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง โครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าว่าจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ในสัปดาห์หน้าเพื่อขอเปลี่ยนชื่อเป็นโครงการทัวร์เที่ยวไทยและหารือในรายละเอียดของเงื่อนไข เชื่อว่า จะประกาศออกมาทันใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยไม่ต้องเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมระดับอายุมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่ได้จำกัดแค่เพียงผู้สูงวัยเท่านั้น โดยจะสมทบเงินให้ร้อยละ 40 หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์นำเที่ยวในราคาแพคเกจขั้นต่ำ 12,500 บาท เป็นจำนวนประมาณ 1,000,000 คน
รายงานระบุว่า จะให้บริษัททัวร์รับให้บริการคนเข้าร่วมโครงการได้จำนวน 3,000 คนต่อ 1 บริษัท รวมบริษัททัวร์ประมาณ 300 ราย ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 เดือน ขณะนี้ยังต้องหารือกันอีกครั้งว่า สรุปแล้วเงินที่รัฐบาลจะสมทบให้จะส่งตรงไปยังผู้ใด ระหว่างบริษัทหรือผู้ใช้สิทธิ นายพิพัฒน์ ให้แนวทางมาว่า ควรส่งตรงไปยังบริษัทมากกว่า เพราะจำนวนน้อยกว่าประชาชนใช้สิทธิ รวมถึงหากมีการผิดปกติหรือต้องดำเนินการตรวจสอบใดๆ ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าด้วย
กทม.ร่วมโครงการ Global Greening Programme 2021 ประดับไฟสีเขียวที่พระปรางค์วัดอรุณ
กรุงเทพมหานคร เข้าร่วมโครงการ Global Greening Programme 2021 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (St. Patrick’s Day) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (St. Patrick’s Day) ในวันพุธที่ 17 มี.ค. 64 กรุงเทพมหานคร พร้อมเข้าร่วมโครงการ Global Greening Programme 2021 ด้วยการประดับไฟสีเขียว ณ พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สวยงามที่สุดในกรุงเทพมหานคร และยังเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยจะเปิดไฟสีเขียวในช่วงเวลา 19.00 – 22.00 น. พร้อมกับอาคารอื่นในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โรงแรมคอนราด อาคาร 208 วายเลสโร้ด ทาวเวอร์ (ที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ฯ) และอาคารออล ซีซั่นส์ เพลส เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีแก่ชาวต่างชาติและชุมชนชาวต่างประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกรุงเทพมหานครกับประเทศต่าง ๆ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในประเทศไทย และเป็นการยกระดับความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาเมืองในด้านต่าง ๆ ในอนาคต
โครงการ Global Greening Programme เป็นโครงการของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์สาธารณรัฐไอร์แลนด์ให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก โดยเชิญชวนเมืองต่างๆ ทั่วโลก ร่วมกันประดับไฟสีเขียว ซึ่งเป็นสีประจำชาติของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตามอาคารและสถานที่สำคัญต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์
สำหรับอาคารและสถานที่สำคัญ ในต่างประเทศที่จะเข้าร่วมโครงการในปีนี้ ได้แก่ อาคารซิดนีย์ โอเปรา เฮาส์ (Sydney Opera House) เครือรัฐออสเตรเลีย ลอนดอนอาย (The London Eye) สหราชอาณาจักร หอเอนเมืองปิซา (The Leaning Tower of Pisa) ประเทศอิตาลี และ น้ำตกไนแองการา สหรัฐฯ เป็นต้น